วันที่ 23 ก.ย. 68 พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล 3 เข้าจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ นำโดย นายพิทักษ์ หรือทัก อายุ 29 ปี, น.ส.พัชริดา หรือตาล อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน และ นายอัครวินท์ หรือเกมส์ อายุ 28 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนมาก โดยผู้ต้องหาใช้ช่องทางไรเดอร์ส่งของเพื่ออำพรางการกระทำความผิด
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับเบาะแสว่ามีไรเดอร์รายหนึ่งมีพฤติกรรมน่าสงสัย โดยมักจะจอดรถในที่ลับตาคนและนำสิ่งของบางอย่างออกมาจาก เป้ากางเกง ก่อนจะไปยืนแอบตามถังขยะ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนติดตาม กระทั่งวันที่ 22 ก.ย. พบชายต้องสงสัยสวมเสื้อไรเดอร์จอดรถอยู่บริเวณถังขยะใกล้หอพักแห่งหนึ่งย่านถนนสุคนธสวัสดิ์ จึงเข้าแสดงตัวและขอตรวจค้น
จากการตรวจค้นในเบื้องต้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ทำให้ชายคนดังกล่าวปฏิเสธเสียงแข็งว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นพิรุธบริเวณรองเท้าของเขา จึงทำการตรวจค้นอย่างละเอียดและพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) จำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในรองเท้า เมื่อจำนนต่อหลักฐาน ผู้ต้องหาจึงยอมรับสารภาพว่าชื่อ นายอัครวินท์ หรือเกมส์ และกำลังนำยาเสพติดมาส่งให้ลูกค้าในหอพัก
เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นห้องพักของนายเกมส์ภายในหอพักดังกล่าว และพบกับ นายพิทักษ์ หรือทัก และ น.ส.พัชริดา หรือตาล แฟนสาวของเขา เมื่อตรวจค้นตัวนายพิทักษ์ เจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึงเมื่อพบ ยาไอซ์ถุงใหญ่ 20 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในเป้ากางเกงของเขา โดยเจ้าตัวยอมรับสารภาพว่า “ซ่อนยาไอซ์ไว้ในเป้ากางเกงเป็นประจำ ลูกค้าจะเหม็นหรือไม่ตนไม่ทราบ”
นอกจากนี้ ยังพบยาอีอีกจำนวน 101 เม็ด, ยาไอซ์ 3 กรัม, เคตามีน 23 กรัม รวมถึงอุปกรณ์สำหรับแพ็กและจัดส่งยาเสพติดจำนวนมากจากการตรวจสอบประวัติและเส้นทางการเงิน พบว่านายพิทักษ์และน.ส.พัชริดาเป็นระดับ หัวจ่าย ยาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งในระหว่างการจับกุมยังคงมีลูกค้าโอนเงินเข้ามาเพื่อซื้อยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา นายพิทักษ์ และ น.ส.พัชริดา ในข้อหา “จำหน่ายโดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 โดยผิดกฎหมาย” และแจ้งข้อหา นายอัครวินท์ ในข้อหา “จำหน่ายโดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาอี) เพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.โชคชัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป







