สะเทือนเมืองท่องเที่ยวระดับโลก! ผู้จัดการผับชาวอินเดียก่อเหตุอุกอาจกลางวอล์กกิ้งสตรีท พัทยา ใช้ปืนจ่อศีรษะข่มขู่และทำร้ายร่างกายเพื่อนร่วมชาติบาดเจ็บ จุดชนวนความกังวลต่อปัญหาอิทธิพลมืดต่างชาติที่กำลังกัดกินภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างรุนแรง
ช่วงเช้ามืดของวันที่ 26 กันยายน 2568 เกิดเหตุการณ์อุกอาจขึ้นใจกลางแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีชื่อดังอย่าง “วอล์กกิ้งสตรีท พัทยา” เมื่อนักท่องเที่ยวชาวอินเดียวัย 33 ปี ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ. ปกรณ์ ประกอบนันท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพัทยา ในสภาพร่างกายได้รับบาดเจ็บ พร้อมให้การด้วยความหวาดกลัวว่าถูกผู้จัดการร้านผับแห่งหนึ่งซึ่งเป็นชาวอินเดียด้วยกัน ทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธปืนข่มขู่ถึงชีวิต
ผู้เสียหายเปิดเผยว่า ช่วงเวลาประมาณ 04.00 น. เขาได้มีปากเสียงกับผู้ก่อเหตุ ก่อนจะถูกใช้ของแข็งตีเข้าที่ข้อเท้า และที่เลวร้ายที่สุดคือถูกนำอาวุธปืนมาจ่อที่ศีรษะเพื่อข่มขู่ ทำให้ตัดสินใจเข้าพึ่งกระบวนการยุติธรรมเพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในสังคมเมืองพัทยา โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงพฤติกรรมของผู้จัดการชาวอินเดียรายนี้ ที่ถูกกล่าวหาว่ามัก “เบ่งบารมี” โดยอ้างว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ จนกล้าก่อเหตุรุนแรงไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถูกเปรียบเปรยว่าไม่ต่างจาก “แก๊งมาเฟีย” ที่กำลังสร้างอิทธิพลมืดและทำลายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวที่มีต่อเมืองพัทยา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้มหาศาลในอนาคต
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีเสียงเรียกร้องจากภาคประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ส่งตรงไปยัง “สมาคมอินเดียพัทยา” ซึ่งมี คุณลักษมัน ซิงค์ เป็นผู้นำ ให้เข้ามามีบทบาทในการจัดการปัญหาอย่างจริงจัง โดยเสนอว่าถึงเวลาแล้วที่สมาคมฯ ต้องแสดงจุดยืนในการ “แยกคนดีออกจากคนไม่ดี” เพื่อไม่ให้พฤติกรรมของคนเพียงกลุ่มเล็กๆ กลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” ที่ทำลายภาพลักษณ์ของชาวอินเดียทั้งชุมชน
บทสรุปของเรื่องนี้จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข ว่าจะปล่อยให้ “พัทยา” เมืองท่องเที่ยวระดับโลก กลายเป็นสวรรค์ของนักเดินทาง หรือจะปล่อยให้กลายเป็นสวรรค์ของมาเฟีย ซึ่งคำตอบทั้งหมดขึ้นอยู่กับการจัดการปัญหาอย่างจริงจังและเด็ดขาดนับตั้งแต่วันนี้
