สิ้นสุดเส้นทางหนี! อดีตข้าราชการระดับสูง ผู้ต้องหาคนสำคัญในมหากาพย์ทุจริต ‘เงินทอนวัด’ ถูกคุมตัวจากสหรัฐอเมริกากลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยแล้ว หลังความร่วมมือระหว่างอัยการสูงสุด ตำรวจ และ ป.ป.ช. ในการไล่ล่าตัวข้ามแดนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 คณะทำงานจาก สำนักงานอัยการสูงสุด, กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงาน ป.ป.ช. ได้เดินทางไปรับตัว นายนพรัตน์ ผู้ร้ายข้ามแดนในคดีทุจริตเงินอุดหนุนวัดครั้งประวัติศาสตร์ กลับจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศไทย ปิดฉากการหลบหนีคดีที่ยาวนาน
สำหรับคดีอื้อฉาวนี้ สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิด นายนพรัตน์ฯ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่รัฐ กับพวก ในข้อหาใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและเบียดบังงบประมาณแผ่นดิน ซึ่งเป็นเงินอุดหนุนเพื่อการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพนัญเชิงวรวิหารและวัดอื่นๆ รวมกว่า 65 แห่ง ไปเป็นประโยชน์ส่วนตน การกระทำดังกล่าวไม่เพียงสร้างความเสียหายต่อรัฐ แต่ยังเป็นการบ่อนทำลายศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอย่างร้ายแรง
ต่อมา อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 แต่นายนพรัตน์ฯ ได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอเมริกา ทำให้ศาลต้องออกหมายจับไว้
ปฏิบัติการไล่ล่าตัวข้ามแดนในครั้งนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะผู้ประสานงานกลางด้านการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ได้ยื่นคำร้องขอให้ทางการสหรัฐฯ ส่งตัวนายนพรัตน์ฯ กลับมาดำเนินคดี โดยมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องกับกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกา เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายของไทยต่อศาลสหรัฐฯ จนกระทั่งได้รับข่าวดีเมื่อกลางเดือนกันยายน 2568 ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนรายนี้กลับประเทศไทย
ความสำเร็จในครั้งนี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นและความร่วมมือระหว่างประเทศในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าผู้กระทำความผิดจะหลบหนีไปที่ใด ก็ไม่อาจหลุดพ้นจากกระบวนการยุติธรรมไปได้ โดยทางสำนักงานอัยการสูงสุดได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายไทยและสหรัฐอเมริกา ที่ร่วมมือกันจนภารกิจสำคัญครั้งนี้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
