“……จีนจะทุ่มสรรพกำลังพัฒนาพลังการผลิต ควบคู่ไปกับการขจัดอุปสรรคในภาคความสัมพันธ์ทางการผลิตอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อนั้นพลังการผลิตที่เป็น”พลังบวกเอก” ก็สามารถพัฒนาเติบใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิดแปรทุกปัจจัยให้เป็น” พลังบวก” ซึ่งตามแผนพัฒนาห้าปีชุดที่15(2026-2030) ทั่วทั้งประเทศจีนต่างพากันเตรียมพร้อมนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีปัญญาใประดิษฐ์เข้าสู่ระบบการผลิตทั้งประเทศ เร่งพัฒนาบุคลากร อุปกรณ์ล้ำสมัย โดยเล็งเป้าไปยังการสร้างสิ่งอุปโภคบริโภคล้ำยุคตอบสนองต่อความต้องการของใประชาชน ทั้งในชนบทและเมือง เป็นที่คาดหมายว่าเมื่อถึงปี2030 ประเทศจีนก็จะพลิกโฉมตัวเองไปเป็นอีกแบบหนึ่ง คนจีนก็จะมีชีวิตอีกระดับหนึ่งที่ชาวโลกต้องอ้าปากค้าง เช่นชาวนาจะใช้เอไอปลูกข้าว.โรงงานจะเต็มไปด้วยคนงานหุ่นยนต์ บนถนนจะเต็มไปด้วยรถหุ่นยนต์ เด็กๆจะเรียนรู้ผ่านแอปสารพัดวิชา และแม่บ้านจะมีผู้ช่วยที่ไม่เคยขัดใจเลย โลกยุคจีนนำ ไม่มีทางเป็นอื่นละครับ จะต้องไปกับจีนอย่างเดียว เพราะเพียง5-6ปีต่อจากนี้ไป ถ้าคุณยังเผลอผลอยไปกับโลกตะวันตก ก็จะเท่ากับเป็นการเสียโอกาสนั่นเอง…”
จับทางจีน正视中国
สันติ ตั้งรพีพากร陈俊泰
สูตรสำเร็จแบบจีน 中国的成功法宝
จะไปกับจีน สิ่งแรกที่คนไทยต้องทำคือ ทำความเข้าใจจีนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะทางด้านความสำเร็จที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องดุจปาฏิหาริย์ แล้วนำเอามาปรับใช้ต่อยอดกับประเทศไทย ซึ่งความสำเร็จที่ปรากฏของจีนในแต่ละด้านมีมากมายมหาศาลจนเกินบรรยาย แต่เมื่อเราจับมาเรียบเรียงร้อยรัดเข้ามาหาปมเงื่อนที่เป็นปฐมบทแห่งความสำเร็จเหล่านั้น ก็จะพบกับคำตอบลอยเด่นอยู่ตรงหน้าว่า “จงทำทุกวิธีในการสร้างและแปลงให้ทุกเหตุปัจจัยและเงื่อนไขแสดงบทบาทเป็นพลังบวก”
พลังบวกหรือ”เจิ้งเหนิงเลี่ยง”(正能量)ในภาษาจีน
ตลอดเวลากว่า70ปีของการพัฒนาประเทศของจีน ก็คือกระบวนการของการสร้างพลังบวกซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ โดยยึดตามหลักทฤษฎีสังคมนิยมอัตลักษณ์จีน คือตั้งอยู่บนฐานความเป็นจริงของสังคมจีนที่เริ่มต้นจากซากปรักหักพังอันเป็นผลจากการทำสงครามต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นและสงครามปลดแอกที่ทำกับรัฐบาลกั๋วหมินตั่งของเจียงไคเช็ก
ในระยะแรกของการฟื้นฟูประเทศ จีนต้องเจอกับมาตรการปิดล้อมของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ได้พลิกสถานการณ์ด้วยการประกาศตนเป็นพันธมิตรกับสหภาพโซเวียต ดำเนินการพัฒนาประเทศตามแบบของสหภาพโซเวียต ประเดิมด้วยแผนการพัฒนา5ปีครั้งที่หนึ่ง(1953-1957)
ด้วยแนวคิดที่ยึดมั่นอยู่กับหลักลัทธิมาร์กซ์ที่ว่าปัจจัยการผลิตคือตัวแปรหลักของการพัฒนาก้าวหน้าของสังคม จะต้องทำทุกวิถีทางให้การพัฒนาพลังการผลิตสามารถดำเนินไปได้ดีที่สุด พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เพียรพยายามเสริมสร้างพลังการผลิตคุณภาพใหม่เข้าสู่กระบวนการผลิตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบกลไกและการบริหารจัดการอย่างทั่วถึงในทุกขั้นตอนของยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ โดยเล็งเป้าไปยังระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
สรุปคือ จีนจะทุ่มสรรพกำลังพัฒนาพลังการผลิต ควบคู่ไปกับการขจัดอุปสรรคในภาคความสัมพันธ์ทางการผลิตอย่างไม่หยุดหย่อน เมื่อนั้นพลังการผลิตที่เป็น”พลังบวกเอก” ก็สามารถพัฒนาเติบใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง แม้เมื่อ”เจอตอ”ก็ไม่สะดุด เพราะรัฐบาลจีนจะลงมือจัดการขุดทิ้งอย่างรวดเร็ว เสริมด้วยการปูทางใหม่ๆให้แก่การพัฒนาก้าวหน้าของพลังการผลิตคุณภาพใหม่แบบฉับพลันทันใดเสมอ
นี่คือการขับเคลื่อนของสังคมจีน ภายใต้แนวคิดแปรทุกปัจจัยให้เป็น” พลังบวก”
มาถึงปัจจุบันนี้ จีนกำลังจะเริ่มพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาห้าปีชุดที่15(2026-2030) ทั่วทั้งประเทศจีนต่างพากันเตรียมพร้อมนำวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีปัญญาใประดิษฐ์เข้าสู่ระบบการผลิตทั้งประเทศ เร่งพัฒนาบุคลากร อุปกรณ์ล้ำสมัย โดยเล็งเป้าไปยังการสร้างสิ่งอุปโภคบริโภคล้ำยุคตอบสนองต่อความต้องการของใประชาชน ทั้งในชนบทและเมือง
ด้วยระดับความก้าวหน้าของจีนวันนี้ เป็นที่คาดหมายว่าเมื่อถึงปี2030 ประเทศจีนก็จะพลิกโฉมตัวเองไปเป็นอีกแบบหนึ่ง คนจีนก็จะมีชีวิตอีกระดับหนึ่งที่ชาวโลกต้องอ้าปากค้าง เช่นชาวนาจะใช้เอไอปลูกข้าว.โรงงานจะเต็มไปด้วยคนงานหุ่นยนต์ บนถนนจะเต็มไปด้วยรถหุ่นยนต์ เด็กๆจะเรียนรู้ผ่านแอปสารพัดวิชา และแม่บ้านจะมีผู้ช่วยที่ไม่เคยขัดใจเลย
โลกยุคจีนนำ ไม่มีทางเป็นอื่นละครับ จะต้องไปกับจีนอย่างเดียว เพราะเพียง5-6ปีต่อจากนี้ไป ถ้าคุณยังเผลอผลอยไปกับโลกตะวันตก ก็จะเท่ากับเป็นการเสียโอกาสนั่นเอง
ไขคำจีน
法宝 ฝาเป่า ของดี ของมีค่า