ระหว่างวันที่ 18-19 ตุลาคม 2568 มีการประชุมว่าด้วยหลักปรัชญาของจูซี และการเสวนาระหว่างอารยธรรมโลก หรือที่รู้จักกันในชื่อ การประชุมเข่าถิง ครั้งที่ 4 ซึ่งร่วมกันจัดโดย สถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีน สหพันธ์ขงจื๊อนานาชาติ และรัฐบาลประชาชนมณฑลฝูเจี้ยน ณ เมืองหนานผิง มณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน
จูซีได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักปรัชญาคนสำคัญของลัทธิขงจื๊อ หลังจากที่ขงจื๊อได้วางรากฐานเอาไว้อย่างมั่นคง ดังคำขวัญที่ว่า “ขงจื๊อรุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก จูซีเจิดจรัสในสมัยราชวงศ์ซ่งใต้”
ปรัชญาของจูซี ได้หล่อหลอมอารยธรรมจีนอย่างลึกซึ้งและยาวนาน ตลอดหลายศตวรรษ ในสมัยราชวงศ์ซ่งและราชวงศ์หมิง แนวคิดของจูซี ได้แพร่ขยายไปยังเกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม และนานาประเทศทั่วโลก ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมสำคัญระหว่างอารยธรรมจีนกับอารยธรรมโลก
หนึ่งในแนวคิดหลักของจูซีคือ “หลี่อี้เฟินซู” (Li Yi Fen Shu) หรือ ความเป็นหนึ่งเดียวของหลักการกับความหลากหลายของการแสดงออก ซึ่งมีคุณูปการอย่างยิ่ง ต่อการส่งเสริมการเสวนาระหว่างอารยธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ขณะเดียวกัน หลักการ “ประชาชนคือรากฐานของรัฐ” ก็สะท้อนค่านิยมที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อสนับสนุนข้อริเริ่มการพัฒนาโลก (Global Development Initiative) ที่จีนนำเสนอในเวทีนานาชาติ
ในปี พ.ศ. 2560 หลังจากเมืองหนานผิง ได้รับอำนาจในการออกกฎหมายท้องถิ่นได้ไม่นานนัก ทางเมืองก็ได้ประกาศใช้กฎระเบียบท้องถิ่นที่สำคัญฉบับแรก นั่นคือ กฎระเบียบของเทศบาลเมืองหนานผิง ว่าด้วยการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมจูซี นับเป็นการวางรากฐานทางกฎหมายที่มั่นคง เพื่อการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมจูซีอย่างเป็นระบบ
มีการตีพิมพ์เอกสารวิชาการ เกี่ยวกับการศึกษาวัฒนธรรมจูซีมากกว่า 60 ฉบับ พร้อมทั้งเผยแพร่บทความทางวิชาการกว่า 230 ฉบับ และมีการอนุมัติโครงการวิจัย 29 โครงการ ภายใต้กองทุนสังคมศาสตร์แห่งชาติ นอกจากนี้ ภายหลังความพยายามอย่างต่อเนื่องนานหลายปี ในที่สุด เขตอนุรักษ์นิเวศวิทยาวัฒนธรรมจูซี ระดับมณฑล ก็ได้รับการอนุมัติให้จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ ในเมืองหนานผิง เมื่อปลายปี พ.ศ. 2566