“พระปีนเสา” โร่ร้องกองปราบฯ หลังถูกชายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่วัดข่มขู่และทำร้ายร่างกายกลางงานคล้ายวันเกิดหลวงปู่ศิลา จ.กาฬสินธุ์ เผยคลิปหลักฐานถูกเผยแพร่ในโซเชียลฯ ยอดวิวพุ่งกว่า 6 ล้านครั้ง จี้ตำรวจเอาผิดผู้ก่อเหตุและตรวจสอบพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิ์คณะสงฆ์
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 28 ตุลาคม 2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พระครูปลัดธีรธนัชณฤทธา เสาวภาคย์โชติรส หรือที่รู้จักในชื่อ “พระปีนเสา” จากที่พักสงฆ์พุทธชยันตี เขา UFO จังหวัดนครราชสีมา เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดีหลังถูกชายอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่วัด ข่มขู่ คุกคาม และทำร้ายร่างกายระหว่างร่วมพิธีคล้ายวันเกิด “หลวงปู่ศิลา สิริจันโท” ที่วัดสวนธรรมปิติ สิริจันโท จังหวัดกาฬสินธุ์
พระครูปลัดธีรฯ เล่าว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 09.30 น. ระหว่างที่อาตมาเดินเข้าสู่ศาลาประกอบพิธี ได้มีชายคนหนึ่งเข้ามาขวางและตะโกนเสียงดังว่า “ท่านเข้าไปไม่ได้ นิมนต์ออกไปข้างนอกเลย!” ก่อนจะเดินเข้ามาใช้พุงกระแทกใส่หน้าท้องโดยไม่มีเหตุอันควร แม้พยายามสอบถามถึงที่นั่งสำหรับพระสงฆ์ แต่กลับถูกข่มขู่ซ้ำ พร้อมใช้วิทยุสื่อสารพูดคุยกับพวกในลักษณะสั่งการว่า “ว.7”
นอกจากนี้ พระครูปลัดฯ ยังเผยว่า เจ้าภาพงานมิได้ให้การต้อนรับหรือดูแลพระสงฆ์กว่า 200 รูปที่มาร่วมงาน ไม่มีแม้แต่น้ำหรืออาหารถวาย อีกทั้งยังพูดจาในเชิงข่มขู่ว่า “พระวินิยาธิการ ตำรวจพระ ทำงานด้วย” ทำให้พระสงฆ์หลายรูปเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าอยู่ในงานต่อ
พระครูปลัดธีรฯ ระบุว่า อาตมาได้ใช้โทรศัพท์มือถือบันทึกภาพและคลิปเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำไปเผยแพร่ใน TikTok ซึ่งมีผู้เข้าชมกว่า 6 ล้านครั้ง หลังเผยแพร่ได้ไม่นาน ก็มีผู้เข้ามาคอมเมนต์ข่มขู่ ด่าทอ และหมิ่นประมาทเป็นจำนวนมาก จนต้องร้องขอความคุ้มครองความปลอดภัย
“วันนี้อาตมามาเพื่อขอความเป็นธรรม และเรียกร้องให้ตรวจสอบการกระทำของชายที่ทำร้าย รวมถึงพฤติกรรมของคณะกรรมการจัดงาน ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดสิทธิ์พระสงฆ์ และดูหมิ่นศาสนา” พระปีนเสากล่าว
ทั้งนี้ พระครูปลัดฯ ขอให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีตามกฎหมายในหลายข้อหา ได้แก่ ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นอันตราย (มาตรา 391), ข่มขู่ให้ตกใจกลัว (มาตรา 392), หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา (มาตรา 326–328), ดูหมิ่นศาสนาและขัดขวางพิธีกรรมทางศาสนา (มาตรา 206–208) รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 44
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้รับคำให้การไว้ และจะดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาเอาผิดตามกฎหมายต่อไป.










