ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ผนึกกำลัง กระทรวงการคลัง เปิดปฏิบัติการ “ปิดเกม รับ–แลก–ลวง” สกัดขบวนการโกงสิทธิรัฐ หลังพบกลุ่มมิจฉาชีพใช้โซเชียลมีเดียชวนประชาชนแลกสิทธิ “คนละครึ่งพลัส” เป็นเงินสด รวบผู้ต้องหา 3 รายรวดจาก 3 จังหวัด ยึดโทรศัพท์–โน้ตบุ๊กหลักฐานมัดแน่น เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ เสี่ยงคุก–ปรับ–ตัดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการรัฐทุกประเภท
แผนเชือดขบวนการ “โกงคนละครึ่งพลัส”
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ
พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิพงศ์ มุสิกูล รอง ผบช.ก.,
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,
พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ. และ พ.ต.อ.เมฆพิศาล ศรีภิรมย์ ผกก.5 บก.ปอศ.
ร่วมกับ กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) นำโดย
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
เปิดปฏิบัติการเข้าจับกุมขบวนการทุจริตโกงสิทธิโครงการรัฐผ่านโลกออนไลน์
รวบ 3 ผู้ต้องหา ปลอมร้านค้า–หลอกแลกเงินสด
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 เจ้าหน้าที่นำโดย พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมชุดสืบสวน กก.4 และ กก.5 บก.ปอศ. สนธิกำลังเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา รวม 3 ราย ได้แก่
- น.ส.วันทนีย์ฯ อายุ 24 ปี จับกุมที่ จ.สมุทรปราการ
- น.ส.ทิพย์เทวีฯ อายุ 31 ปี จับกุมที่ จ.อุดรธานี
- น.ส.นาตาชาฯ อายุ 26 ปี จับกุมที่ จ.นครสวรรค์
ตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อและโพสต์เชิญชวนประชาชนแลกสิทธิเป็นเงินสดผ่านสื่อโซเชียล
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา “โดยทุจริตหรือหลอกลวงนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน และกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ”
แฉขบวนการ “รับ–แลก–ลวง” ปั่นเฟซบุ๊กหลอกเงินสิทธิรัฐ
จากการสืบสวนพบว่า กลุ่มผู้ต้องหาใช้สื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะ Facebook โพสต์เชิญชวนประชาชนที่ได้รับสิทธิ “คนละครึ่งพลัส” ให้นำวงเงินมาแลกเป็นเงินสด โดยหักส่วนต่างเป็นค่าตอบแทน โดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง ขัดต่อหลักเกณฑ์และวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างสิ้นเชิง
ขบวนการดังกล่าวยังลงทะเบียนร้านค้าในแอปฯ “เป๋าตัง” ปลอม เพื่อใช้เป็นช่องทางรับสิทธิแทนการขายสินค้า ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน และบั่นทอนประสิทธิภาพของโครงการที่รัฐบาลตั้งใจใช้กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก
จากการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียด ตำรวจสามารถขยายผลจนทราบตัวผู้ต้องหาและเข้าจับกุมได้พร้อมของกลางหลายรายการ
รับสารภาพบางส่วน–อ้างหารายได้เสริม
ผู้ต้องหาทั้งสามให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง โดย น.ส.วันทนีย์ฯ ยอมรับว่าร่วมขบวนการ เพราะเห็นโพสต์ในสื่อโซเชียลและต้องการหารายได้พิเศษ ขณะที่ผู้ต้องหาอีกสองรายให้การปฏิเสธ
เตือนภัย! แลกสิทธิเป็นเงินสด = เสี่ยงคุก
ตำรวจสอบสวนกลางย้ำเตือนประชาชนว่า โครงการคนละครึ่งพลัส มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยลดภาระค่าครองชีพของประชาชน การแลกวงเงินสิทธิเป็นเงินสดถือเป็นความผิดตามกฎหมาย
- ผู้โพสต์หรือชักชวนออนไลน์ เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ - ผู้แลกหรือผู้รับแลกเงินสด เข้าข่ายร่วมกันฉ้อโกง
โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งยังเสี่ยงถูก ระงับสิทธิ์เข้าร่วมทุกโครงการรัฐ และต้องคืนเงินให้รัฐบาลเต็มจำนวน
ช่องทางแจ้งเบาะแส
ประชาชนที่พบเห็นพฤติกรรมทุจริต สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่
- พ.ต.ต.บัญชา ช่วยรอดหมด สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร. 06-2547-4242
- พ.ต.ท.สุทธิพงษ์ จันทพันธ์ สว.กก.5 บก.ปอศ. โทร. 09-2938-8593
หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.คนละครึ่งพลัส.com
































