เมื่อวันที่ (30 ต.ค.) ดร.ฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมถ์ ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การส่งออกเนื้อไก่ไทยในปี 2568 ว่ายังคงสดใสไม่แพ้ปีก่อนๆ แม้จะต้องเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก และความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา จนถึงขั้นปะทะกันและนำสู่มาตรการปิดด่านการค้าชายแดนมานานเกือบ 3 เดือน
แต่ผู้ประกอบการไทยก็ยังสามารถผลิตสินค้าป้อนเข้าสู่ตลาดใหม่และส่งให้คู่ค้าเดิมได้อย่างต่อเนื่องสมกับการเป็น “ครัวของโลก” แม้ในบางครั้งจะต้องเจอปัญหาเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปจนกระทบต่อรายได้ก็ตาม
ดร.ฉวีวรรณ บอกว่าเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ตกต่ำมาก ทุกอาชีพมีปัญหาหมด โชคดีที่การส่งออกเนื้อไก่ไทยยังพอไปได้เนื่องจากผู้ประกอบการมีความพยายามที่จะพัฒนาระบบการผลิตให้เป็นที่ยอมรับของตลาดในต่างประเทศ จนสามารถช่วยเหลือผู้ผลิตธัญพืชที่ราคากำลังตกต่ำให้สามารถส่งผลผลิตมาทำเป็นอาหารสัตว์ที่มีความปลอดภัยมากขึ้นจนสามารถเข้าสู่ระบบของนานาประเทศได้
นอกจากนั้นผู้ประกอบการยังมีความพยายามในการหาตลาดใหม่จากความพร้อมด้านการส่งออก จึงทำให้เมื่อมีมาตรการปิดด่านชายแดน ผู้ประกอบการที่เคยส่งสินค้่าไปกัมพูชา ก็สามารถส่งไปขายในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆทดแทนได้
“แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในส่วนของตลาดใหญ่ในบางประเทศก็คือ การสร้างเงื่อนไขทางการค้าที่มากขึ้นในขณะที่การเมืองของไทยยังไม่มีเสถียรภาพ ซ้ำยังมีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีบ่อยๆ จึงทำให้เมื่อเกิดปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการรับรองสินค้าที่ต้องใช้ระบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งเราไม่สามารถทำได้และถือเป็นข้อเสียเปรียบของไทย เพราะประเทศคูู่ค้าใหญ่เขาแค่รอให้ผู้บริหารไทยเข้าไปเจรจาเท่านั้น”
ส่วนปัญหาแนวชายแดนไทยกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาทีื่่ทำให้ผู้ประกอบการบางรายไม่สามารถส่งเนื้อไก่ออกไปขายได้จนทำให้ราคาไก่ในประเทศตกต่ำ แต่ผู้ประกอบการก็สามารถประคองตัวด้วยการหาตลาดส่งออกในประเทศเพื่อนบ้านอื่นทดแทน จึงทำให้ไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก
แต่สิ่งกำลังจะทำให้ผู้ประกอบการได้รับผลกระทบก็คือ การที่ตลาดใหญ่ในบางประเทศเริ่มสั่งซื้อเนื้อไก่จากไทยลดลง และยังหันมาผลิตเนื้อไก่เพื่อส่งขายแข่งกับไทย ซึ่งในเรื่องนี้หากรัฐมนตรีที่เข้ามาดูแลด้านการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ไม่มีความเข้าใจที่แท้จริงก็อาจกระทบต่อการส่งออกเนื้อไก่ไทยในอนาคตได้
เช่นเดียวกับปัญหาเรื่องการสนับสนุนเงินทุนให้ผู้ประกอบการให้สามารถต่อยอดการพัฒนาสินค้าและการลงทุน ที่ในวันนี้ยังไม่เห็นว่าจะมีรัฐบาลใดที่สามารถเจรจาให้แบ่งพาณิชย์ปล่อยเงินกู้เพื่อการลงทุนให้ผู้ประกอบการได้อย่างแท้จริง
ส่วนการแก้ไขปัญหาการส่งออกของสมาคมฯ คือความพยายามส่งเสริมให้ผู้ผลิต ผลิตสินค้าตามความต้องการของตลาดให้ได้มากขึ้น และต้องให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีตลาดรองรับแล้วเท่านั้นเพื่อป้องกันความเสียหาย รวมทั้งพยายามหาที่จะมองหาตลาดใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะตลาดฮาลานที่มีมูลค่ามหาศาล
“ภาพรวมการส่งออกเนื้อไก่ไทยในปี 68 ดีมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี เพราะผู้ประกอบการมีความรู้ในการเลี้ยงที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหารจนทำให้เนื้อไก่ไทยมีความปลอดภัยจากสารตกค้างต่างๆ รวมทั้วยังมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ในการลดต้นทุนการผลิตจนทำให้เราเป็นครัวของโลกได้แบบสบายๆ แม้ในบางครั้งที่ต้องเจอบางประเทศเข้มงวดเรื่องมาตรฐานอาหารแต่เราก็ผ่านมาได้ เพียงแต่ยังติดเรื่องรัฐบาลที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยครั้ง แต่ถึงกระนั้นในปีนี้มูลค่าการส่งออกเนื้อไก่ไทยก็ยังสูงกว่าแสนล้านบาท” ดร.ฉวีวรรณ กล่าว







