“อี้ แทนคุณ” นำตัวแทนนางเอกซีรีส์ชื่อดังเข้าร้อง ปอท. หลังถูกนำภาพและคลิปจากผลงานไปตัดต่อเผยแพร่เชื่อมโยงประเด็น ม.112 และการเมือง ทั้งที่เจ้าตัวไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หวั่นถูกใช้เป็นเครื่องมือหมิ่นสถาบัน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายแทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ “อี้ แทนคุณ” ประธานชมรมสันติประชาธรรม พาตัวแทนของนางเอกซีรีส์ชื่อดัง (อักษรย่อ น.) เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบและดำเนินคดี หลังมีผู้ไม่หวังดีนำภาพและคลิปวิดีโอจากผลงานแสดงของเธอไปตัดต่อ เผยแพร่ในลักษณะปลุกปั่นและพาดพิงทางการเมือง ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
อี้ แทนคุณ เปิดเผยว่า นางเอกคนดังกล่าวเคยรับบทตัวละครหญิงชื่อ “น.” ในซีรีส์ที่โด่งดังเมื่อ 2–3 ปีก่อน ซึ่งเผยแพร่ทางช่องโทรทัศน์และออนไลน์ ตัวละครดังกล่าวเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่เลือกใช้ความรุนแรงในการล้างแค้นภายในรั้วมหาวิทยาลัย แต่ต่อมาภาพการแสดงของเธอถูกนำไปตัดต่อบิดเบือน ใช้เชื่อมโยงกับประเด็นการเมืองภายในประเทศ และยังถูกโยงไปถึงความขัดแย้งระหว่างจีน–ไต้หวัน จนแฟนคลับต่างประเทศเข้าใจผิดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนฝ่ายการเมืองใดฝ่ายหนึ่ง
“ที่ร้ายแรงที่สุด คือ การนำภาพจากฉากแสดงของเธอไปตัดต่อให้โยงกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและอันตรายอย่างยิ่ง”
อี้ แทนคุณ กล่าวย้ำ
ก่อนหน้านี้ นักแสดงหญิงได้แจ้งเรื่องกับต้นสังกัดและบริษัทผู้ผลิตซีรีส์ แต่กลับพบว่ามีการนำภาพของเธอไปตัดต่อซ้ำ เพื่อสื่อเชิงการเมืองในบางประเด็น ซึ่งบางส่วนพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำให้เธอและครอบครัวรู้สึกหวาดกลัวและไม่สบายใจอย่างมาก
จากกระแสกดดันและความเข้าใจผิดในโลกออนไลน์ ทำให้นักแสดงหญิงรายนี้ตัดสินใจหยุดรับงานและห่างหายจากวงการบันเทิงนานกว่า 3 ปี เพื่อป้องกันไม่ให้ภาพส่วนตัวถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์อีก ส่งผลให้เธอต้องเผชิญความเครียดและความกดดันสะสมมาโดยตลอด
อี้ แทนคุณ ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ซีรีส์เรื่องดังกล่าวกำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตภาค 3 และมีเนื้อหาที่อาจกระทบต่อสถาบันฯ และสถานการณ์การเมือง จึงกังวลว่าอาจเกิดการลอกเลียนแบบหรือใช้เรื่องนี้โจมตีซ้ำอีก ซึ่งมีแนวโน้มว่านักแสดงหญิงอาจขอถอนตัวจากโปรเจกต์ดังกล่าวเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน บก.ปอท. ตรวจสอบพยานหลักฐานที่ตัวแทนผู้เสียหายนำมา พบว่าไม่เข้าข่ายหมิ่นเบื้องสูง แต่บางส่วนอาจละเมิด พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ จึงแนะนำให้ผู้เสียหายไปยื่นดำเนินคดีต่อที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา (บก.ปอศ.) เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.








