กสม. ตรวจสอบโครงการขุดลอกลำน้ำในจังหวัดพัทลุง หลังชาวบ้านร้องสิทธิชุมชนถูกละเมิด พบโครงการของกรมชลประทานส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ–วิถีชีวิต ชี้ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน แนะจัดทำ “ผังน้ำ–แผนจัดการน้ำระดับจังหวัด” อย่างรอบด้าน พร้อมเร่งฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบโดยเร่งด่วน
นายจุมพล ขุนอ่อน รองเลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในจังหวัดพัทลุงรวม 5 ราย จำนวน 4 คำร้อง ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน 2567 เกี่ยวกับโครงการขุดลอกลำน้ำของกรมชลประทานที่ดำเนินการในพื้นที่หลายอำเภอ ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าขาดการมีส่วนร่วมจากประชาชน และก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชน
โครงการที่ถูกร้องเรียนประกอบด้วย
- โครงการขุดลอกคลองและสร้างผนังคอนกรีตคลองลายพัน อำเภอกงหรา ระยะทาง 2.5 กิโลเมตร
- โครงการขุดลอกคลองส้านแดง อำเภอตะโหมด ระยะทาง 21 กิโลเมตร
- และแผนการขุดลอกคลองทรายขาวเพิ่มเติม
กสม. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาหลักกฎหมายพบว่า โครงการขุดลอกคลองลายพัน ซึ่งแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 มีการขยายขนาดคลอง สร้างถนนเลียบคลอง และดาดคอนกรีตโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันน้ำท่วมและตลิ่งพัง แต่หลังดำเนินการกลับเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศ ปริมาณน้ำ และสัตว์น้ำในพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนจากการทำเกษตรและประมงพื้นบ้าน รวมทั้งสิ่งก่อสร้างบางส่วนชำรุดเสียหาย ขณะที่กรมชลประทานแม้จะรับทราบและอยู่ระหว่างแก้ไข แต่ดำเนินการล่าช้า
กสม. เห็นว่า โครงการดังกล่าวละเมิดสิทธิชุมชนตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยมีต่อการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนด้านทรัพยากรธรรมชาติ
ส่วนโครงการขุดลอกคลองส้านแดงนั้น พบว่า กรมชลประทานอยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม แต่การประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนยังไม่โปร่งใสและทั่วถึง แม้จะจัดเวทีรับฟังความเห็น 6 ครั้ง แต่กลับจำกัดกลุ่มผู้เข้าร่วมและไม่ชี้แจงผลกระทบด้านลบอย่างชัดเจน ทำให้ประชาชนในพื้นที่เกิดความกังวลและไม่มั่นใจในโครงการ ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นกัน
สำหรับโครงการขุดลอกคลองทรายขาวเพิ่มเติม กรมชลประทานชี้แจงว่ายังไม่มีแผนดำเนินการในขณะนี้
ด้านสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งมีหน้าที่กำกับนโยบายและแผนการบริหารจัดการน้ำของประเทศ ยังไม่พบว่ามีการกระทำหรือการละเลยหน้าที่ในกรณีนี้ เนื่องจากโครงการที่ถูกร้องส่วนใหญ่เสนอขอรับงบประมาณก่อนการจัดตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำและคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
จากข้อเท็จจริงทั้งหมด กสม. มีมติเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ให้ข้อเสนอแนะไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ให้กรมชลประทาน สำรวจและศึกษาผลกระทบจากโครงการขุดลอกคลองลายพัน พร้อมซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่ชำรุด แก้ปัญหาตลิ่งพัง และเยียวยาความเสียหายโดยเปิดให้ประชาชน ชุมชน ภาควิชาการ และภาคประชาสังคมมีส่วนร่วม
2. ให้กรมชลประทานชะลอโครงการขุดลอกคลองส้านแดง เพื่อศึกษาและประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชุมชน พร้อมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นอย่างโปร่งใสและเข้าถึงข้อมูลครบถ้วน
3. ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดพัทลุง เพื่อทบทวนและประเมินผลกระทบของโครงการขุดลอกลำน้ำทุกแห่งในจังหวัดอย่างครอบคลุม
4. ให้จังหวัดพัทลุงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำ “ผังน้ำและแผนบริหารจัดการน้ำระดับจังหวัด” โดยยึดหลักสิทธิชุมชน การมีส่วนร่วมของประชาชน และความสอดคล้องกับแผนแม่บททรัพยากรน้ำ 20 ปี
กสม. ย้ำว่า การบริหารจัดการน้ำทุกโครงการต้องคำนึงถึงทั้ง “สิทธิของประชาชน” และ “ความยั่งยืนของระบบนิเวศ” เพื่อให้การพัฒนาไม่กลายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในรูปแบบใหม่.







