วันจันทร์, ธันวาคม 8, 2025
หน้าแรกท้องถิ่น“ชมรมสันติประชาธรรม” บุกกองปราบฯ ร้องสอบ “เชื่อมจิต” อ้างหลอกลวง–ทารุณเด็ก! ชี้พฤติกรรมบิดเบือนศาสนา กระทบศรัทธาชาวพุทธอย่างร้ายแรง

Related Posts

“ชมรมสันติประชาธรรม” บุกกองปราบฯ ร้องสอบ “เชื่อมจิต” อ้างหลอกลวง–ทารุณเด็ก! ชี้พฤติกรรมบิดเบือนศาสนา กระทบศรัทธาชาวพุทธอย่างร้ายแรง


“อี้ แทนคุณ” พร้อมผู้เสียหายเข้ายื่นร้องกองปราบปราม เอาผิดกลุ่ม “เชื่อมจิต” หลังพบพฤติกรรมอ้างปาฏิหาริย์ หลอกลวงประชาชน และทารุณกรรมเด็กถึงขั้น “กดหัวลงน้ำ–บีบคอ” ชี้เป็นภัยคุกคามพระพุทธศาสนา พร้อมจี้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหยุดนิ่งดูดาย


เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน อี้ แทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม พร้อมด้วย เก่ง สุเชษฐ์ ผู้ช่วย และ นางเอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี พร้อมสามี เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อร้องทุกข์ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “เชื่อมจิต”

“อี้ แทนคุณ” แฉพฤติกรรมสุดอันตราย – ละเมิดเด็ก–บิดเบือนศาสนา
อี้ แทนคุณ เปิดเผยว่า ทางชมรมฯ ได้รวบรวมหลักฐานจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นว่า กลุ่ม “เชื่อมจิต” มีพฤติกรรมเข้าข่าย หลอกลวงประชาชนและทารุณกรรมเด็ก โดยมีการกระทำอันโหดร้าย เช่น “กดหัวเด็กลงน้ำ” พร้อมกล่าวอ้างว่าเป็นพิธีชำระล้างบาปของเด็กหญิงที่ถูกเรียกว่า “อนาคามี” และอ้างตนมีพลังพญานาค

“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่เพียงเป็นการล่อลวง แต่ยังคุกคามพระพุทธศาสนาโดยตรง เพราะมีการอ้างตนเป็นผู้บรรลุธรรม ทั้งที่เนื้อหาสอนกลับบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า” — อี้ แทนคุณ กล่าว

พร้อมระบุว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กลับ นิ่งเฉยและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งที่มีอำนาจดูแลและปกป้องศาสนา

เปิดคำให้การผู้เสียหาย – แฉพฤติกรรม “อาจารย์น้อง” ในกลุ่มเชื่อมจิต นางเอ (นามสมมติ) อดีตสมาชิกในกลุ่มไลน์โอเพ่นแชตของ “เชื่อมจิต” เปิดเผยว่า ตนถูกเพื่อนในต่างประเทศชวนเข้ากลุ่มเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งแต่ละกลุ่มมีสมาชิกสูงสุดถึง 500 คน

ในช่วงแรกมีการจัดกิจกรรมทำบุญ–ปล่อยพญานาค และอ้างว่าสามารถ “ติดต่อมนุษย์ต่างดาว” ได้ แต่ต่อมาเธอเริ่มพบความผิดปกติหลายอย่าง เช่น

  • การอวดอ้าง “หายตัวได้” โดยใช้ภาพตัดต่อหลอกลวงสมาชิก
  • การเรี่ยไรเงินผ่าน “กองทุนอาจารย์น้อง” เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
  • การบิดเบือนหลักธรรมคำสอนพระพุทธศาสนาให้เข้าใจผิด

แต่สิ่งที่ทำให้เธอรับไม่ได้ที่สุด คือการ ใช้ความรุนแรงกับเด็ก โดย “อาจารย์น้อง” เคย จับเด็กหญิงกดน้ำหลายครั้ง และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ บีบคอเด็กหญิงอีกคน ท่ามกลางเสียงเชียร์จากผู้ใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์โดยไม่มีใครห้าม

นางเอกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เธอตัดสินใจออกจากกลุ่ม และยอมเสี่ยงชีวิตมาให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้จะถูกอดีตสมาชิกบางส่วน ข่มขู่และพยายามปิดปาก

ชมรมฯ มอบหลักฐานกองปราบ – จี้เร่งสอบเอาผิดให้ถึงที่สุด
ชมรมสันติประชาธรรมได้มอบหลักฐานทั้งหมดให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก ทั้งคลิปวิดีโอ ภาพถ่าย และข้อมูลการโอนเงินในกลุ่ม “เชื่อมจิต” พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อป้องกันการหลอกลวงและละเมิดสิทธิเด็กซ้ำอีกอี้ แทนคุณ ทิ้งท้ายว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องศรัทธา แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัยของเด็ก และความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธศาสนา เราไม่อาจปล่อยให้การหลอกลวงในนามธรรมะทำลายความศรัทธาของประชาชนได้อีกต่อไป”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts