“รองต่อ–สันธนะ” อดีตนายตำรวจสันติบาลชื่อดัง พาผู้เสียหายนักธุรกิจวัย 56 ปี เข้าร้องกองปราบฯ หลังอ้างถูกกลุ่มคนร้ายใช้ปืนยิงในผับดังย่านมหาดไทย รอดหวุดหวิดแต่กลับถูกตำรวจท้องที่ตั้งข้อหาเพียง “ทำร้ายร่างกาย” ทั้งที่มีปืนเกี่ยวข้อง เชื่อถูกสั่ง “เก็บ” เพราะล่วงรู้เบื้องหลังธุรกิจสีเทา!
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายสันธนะ ประยูรรัตน์ หรือ “รองต่อ” อดีตนายตำรวจสันติบาลชื่อดัง อายุ 67 ปี พา นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี นักธุรกิจ เข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อร้องขอโอนคดีมาสอบสวน หลังอ้างว่าถูกยิงภายในสถานบันเทิงชื่อดังย่านซอยมหาดไทย เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา
ผู้เสียหายระบุว่า คืนวันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 05.00 น. ถูกกลุ่มคนร้ายหลายคนบุกเข้าทำร้ายภายในห้องน้ำของสถานบันเทิง โดยมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่เจตนาฆ่า แต่โชคดีหลบทัน ก่อนแย่งปืนต่อสู้จนกระสุนพลาดเป้า จากนั้นถูกชกต่อยซ้ำและคนร้ายหลบหนีด้วยรถตู้ยี่ห้ออัลพาร์ด
นายเอเผยว่า สาเหตุอาจมาจากการที่ตน “รู้ความลับของธุรกิจสีเทา” ของหัวหน้ากลุ่มคนร้าย ทำให้ถูกหมายหัว “สั่งเก็บ” เพื่อปิดปาก
“สันธนะ” จวกตำรวจท้องที่ทำงานบกพร่อง – ชี้พิรุธคดีถูกลดเหลือแค่ชกต่อย!
หลังเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและตำรวจ สน.วังทองหลาง ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ ได้เข้าตรวจสอบแต่กลับระบุว่า ไม่มีการใช้อาวุธปืน อ้างเพียงว่ากระจกแตกเพราะการชกต่อย ขัดกับคำให้การของผู้เสียหายที่ยืนยันว่าได้ยินเสียงปืนและถูกยิงใส่
รองต่อเผยว่า ผู้เสียหายได้รับข้อมูลจากพนักงานของร้านว่า ปลอกกระสุนปืนถูกเก็บไปโดยแม่บ้าน และส่งต่อให้ผู้จัดการร้าน จึงสงสัยว่าอาจมีการปกปิดพยานหลักฐาน
“ผู้เสียหายไม่เชื่อมั่นการทำคดีของตำรวจท้องที่ และไม่ต้องการให้กองสืบสวน บช.น. เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่ากลุ่มคนร้ายรู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม” – สันธนะ กล่าว
ยื่นหลักฐานเด็ด! เสื้อผ้าพบเขม่าดินปืน – หวั่นถูกข่มขู่ซ้ำ ในวันนี้ผู้เสียหายได้นำ เสื้อผ้าชุดที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ มอบให้พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อตรวจหาหลักฐานเขม่าดินปืนยืนยันว่ามีการยิงเกิดขึ้นจริง พร้อมให้แพทย์ตรวจบาดแผลจากการทำร้ายร่างกาย
รองต่อเผยเพิ่มเติมว่า ผู้เสียหายทราบแล้วว่า ใครอยู่เบื้องหลังคำสั่ง “เก็บ” เนื่องจากในวันเกิดเหตุ กลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์ถึงบุคคลหนึ่งก่อนส่งสายให้ผู้เสียหายพูดด้วยโดยตรง หลังจากแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. และมีข่าวเผยแพร่ในสื่อ บุคคลปริศนาดังกล่าวได้โทรมาข่มขู่ซ้ำเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ทำให้ผู้เสียหายหวั่นเกรงอันตราย จึงตัดสินใจเข้าร้องต่อกองปราบฯ เพื่อขอความเป็นธรรม
ความคืบหน้าคดี
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. รับเรื่องไว้ตรวจสอบ พร้อมสอบปากคำผู้เสียหายและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาว่าจะรับโอนคดีจาก สน.วังทองหลาง มาดำเนินการสอบสวนต่อหรือไม่








