
กสม. ทบทวนรายงานผลการตรวจสอบกรณีเสียชีวิตของ “สารวัตรกานต์” หลังตำรวจหน่วยอรินทราช 26 ถูกกล่าวหายิงเกินกว่าเหตุ พบปฏิบัติการเป็นไปตามขั้นตอนและหลักการใช้กำลังอย่างได้สัดส่วน ไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอบรมเจ้าหน้าที่เรื่องการจัดการวิกฤติ–การเจรจาต่อรอง และตรวจสุขภาพจิตตำรวจอย่างต่อเนื่อง
วันที่ 12 ธันวาคม 2568
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ นายจุมพล ขุนอ่อน รองเลขาธิการ กสม. แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 41/2568 โดยหนึ่งในวาระสำคัญคือ การ ทบทวนรายงานผลการตรวจสอบกรณี “สารวัตรกานต์” หรือ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่เสียชีวิตระหว่างเหตุระงับเหตุโดยหน่วยอรินทราช 26 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566
สรุปผลสอบใหม่ : อรินทราชปฏิบัติถูกหลัก – ใช้กำลังตามขั้นตอน
ก่อนหน้านี้ กสม. เคยมีมติว่าการปฏิบัติของหน่วยอรินทราช 26 อาจกระทบสิทธิในชีวิตเกินสมควรและไม่บันทึกภาพเสียงขณะปฏิบัติภารกิจ
ต่อมา กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้ส่งหลักฐานและพยานเพิ่มเติม ทำให้ กสม. มีการตรวจสอบใหม่
ผลสรุประบุว่า ในวันเกิดเหตุ หน่วยอรินทราชเริ่มจากการเจรจาให้ “สารวัตรกานต์” มอบตัวเพื่อเข้ารับการรักษา เนื่องจากมีภาวะทางจิตตามความเห็นของทีมจิตแพทย์ แต่เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล จึงใช้แก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมสถานการณ์ ก่อนที่ผู้ตายจะยิงตอบโต้จากภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงต้องยิงตอบโต้กลับ โดยใช้เวลาปฏิบัติการรวมกว่า 27 ชั่วโมง
กสม. เห็นว่า การใช้อาวุธดังกล่าวเป็นไปตามหลักความจำเป็นและได้สัดส่วนกับสถานการณ์ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่ง ไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 นาย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เนื่องจากเป็นการป้องกันตนและผู้อื่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ประเด็นบันทึกภาพเสียง – ยอมรับมีเหตุขัดข้องจริง
ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องไม่มีการบันทึกภาพและเสียงระหว่างปฏิบัติการนั้น กสม. ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการใช้โดรนและหุ่นยนต์ตรวจการณ์บันทึกภาพไว้ แต่ถูกทำลายจนไม่สามารถบันทึกต่อเนื่องได้ ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน
กสม. แนะ ตร. พัฒนาแนวทาง “บริหารวิกฤติ” และ “ดูแลจิตใจตำรวจ”
แม้การปฏิบัติของอรินทราชไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ กสม. เห็นว่า หากมีการเจรจาและปิดล้อมพื้นที่ให้นานขึ้น อาจลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิตได้ จึงมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)
- อบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านการบริหารเหตุวิกฤติและการเจรจาต่อรอง โดยเน้นการใช้หลักสิทธิมนุษยชนและการใช้กำลังอย่างได้สัดส่วน
- จัดนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสุขภาพจิตเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้อาวุธประจำการ เช่น ฝ่ายสืบสวนและฝ่ายปราบปราม
- พิจารณาตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ ด้านการบริหารเหตุการณ์วิกฤติและการเจรจา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมสถานการณ์ที่ซับซ้อน
ส่งเรื่องต่อ ป.ป.ช. ตรวจสอบพนักงานสอบสวน สน.สายไหม
สำหรับข้อร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ที่ถูกกล่าวหาว่าทำคดีล่าช้า กสม. ตรวจสอบแล้วพบว่าการสอบสวนอยู่ในกรอบเวลาตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อความโปร่งใส กสม. ได้ส่งรายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบเพิ่มเติม ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่









