วันศุกร์, ธันวาคม 12, 2025
หน้าแรกข่าวประชาสัมพันธ์กสม. เคาะผลสอบใหม่คดี “สารวัตรกานต์” ชี้ “อรินทราช 26” ปฏิบัติตามหลักกฎหมาย–ใช้กำลังสมเหตุสมผล แนะ ตร. เสริมทักษะเจรจา–ดูแลสุขภาพจิตตำรวจ ป้องกันเหตุสูญเสียซ้ำ

Related Posts

กสม. เคาะผลสอบใหม่คดี “สารวัตรกานต์” ชี้ “อรินทราช 26” ปฏิบัติตามหลักกฎหมาย–ใช้กำลังสมเหตุสมผล แนะ ตร. เสริมทักษะเจรจา–ดูแลสุขภาพจิตตำรวจ ป้องกันเหตุสูญเสียซ้ำ


กสม. ทบทวนรายงานผลการตรวจสอบกรณีเสียชีวิตของ “สารวัตรกานต์” หลังตำรวจหน่วยอรินทราช 26 ถูกกล่าวหายิงเกินกว่าเหตุ พบปฏิบัติการเป็นไปตามขั้นตอนและหลักการใช้กำลังอย่างได้สัดส่วน ไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน พร้อมเสนอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติอบรมเจ้าหน้าที่เรื่องการจัดการวิกฤติ–การเจรจาต่อรอง และตรวจสุขภาพจิตตำรวจอย่างต่อเนื่อง


วันที่ 12 ธันวาคม 2568
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดย นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ นายจุมพล ขุนอ่อน รองเลขาธิการ กสม. แถลงข่าวเด่นประจำสัปดาห์ ครั้งที่ 41/2568 โดยหนึ่งในวาระสำคัญคือ การ ทบทวนรายงานผลการตรวจสอบกรณี “สารวัตรกานต์” หรือ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์พัฒนาด้านการข่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ที่เสียชีวิตระหว่างเหตุระงับเหตุโดยหน่วยอรินทราช 26 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2566

สรุปผลสอบใหม่ : อรินทราชปฏิบัติถูกหลัก – ใช้กำลังตามขั้นตอน

ก่อนหน้านี้ กสม. เคยมีมติว่าการปฏิบัติของหน่วยอรินทราช 26 อาจกระทบสิทธิในชีวิตเกินสมควรและไม่บันทึกภาพเสียงขณะปฏิบัติภารกิจ
ต่อมา กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้ส่งหลักฐานและพยานเพิ่มเติม ทำให้ กสม. มีการตรวจสอบใหม่

ผลสรุประบุว่า ในวันเกิดเหตุ หน่วยอรินทราชเริ่มจากการเจรจาให้ “สารวัตรกานต์” มอบตัวเพื่อเข้ารับการรักษา เนื่องจากมีภาวะทางจิตตามความเห็นของทีมจิตแพทย์ แต่เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล จึงใช้แก๊สน้ำตาเพื่อควบคุมสถานการณ์ ก่อนที่ผู้ตายจะยิงตอบโต้จากภายในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงต้องยิงตอบโต้กลับ โดยใช้เวลาปฏิบัติการรวมกว่า 27 ชั่วโมง

กสม. เห็นว่า การใช้อาวุธดังกล่าวเป็นไปตามหลักความจำเป็นและได้สัดส่วนกับสถานการณ์ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ อัยการสูงสุด ได้มีคำสั่ง ไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 8 นาย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เนื่องจากเป็นการป้องกันตนและผู้อื่นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ประเด็นบันทึกภาพเสียง – ยอมรับมีเหตุขัดข้องจริง

ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องไม่มีการบันทึกภาพและเสียงระหว่างปฏิบัติการนั้น กสม. ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการใช้โดรนและหุ่นยนต์ตรวจการณ์บันทึกภาพไว้ แต่ถูกทำลายจนไม่สามารถบันทึกต่อเนื่องได้ ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน

กสม. แนะ ตร. พัฒนาแนวทาง “บริหารวิกฤติ” และ “ดูแลจิตใจตำรวจ”

แม้การปฏิบัติของอรินทราชไม่เข้าข่ายละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่ กสม. เห็นว่า หากมีการเจรจาและปิดล้อมพื้นที่ให้นานขึ้น อาจลดความเสี่ยงในการสูญเสียชีวิตได้ จึงมีมติให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)

  1. อบรมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านการบริหารเหตุวิกฤติและการเจรจาต่อรอง โดยเน้นการใช้หลักสิทธิมนุษยชนและการใช้กำลังอย่างได้สัดส่วน
  2. จัดนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสุขภาพจิตเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้อาวุธประจำการ เช่น ฝ่ายสืบสวนและฝ่ายปราบปราม
  3. พิจารณาตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจ ด้านการบริหารเหตุการณ์วิกฤติและการเจรจา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมสถานการณ์ที่ซับซ้อน

ส่งเรื่องต่อ ป.ป.ช. ตรวจสอบพนักงานสอบสวน สน.สายไหม

สำหรับข้อร้องเรียนต่อพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ที่ถูกกล่าวหาว่าทำคดีล่าช้า กสม. ตรวจสอบแล้วพบว่าการสอบสวนอยู่ในกรอบเวลาตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อความโปร่งใส กสม. ได้ส่งรายงานให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ตรวจสอบเพิ่มเติม ว่ามีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts