สังคมจับตา! หลังเพจออนไลน์บางแห่งนำภาพเก่ามาปรุงข่าวพาดหัวแรง พาดพิง “เสี่ยอ.” เชื่อมโยงคดีจับบ่อนพนันชาวจีนในบางละมุง ทั้งที่เป็นเพียงคดีรายย่อย ไม่มีหลักฐานยืนยันจากหน่วยงานทางการ จนถูกมองว่าอาจเป็น “เกมการเมือง” มากกว่าการนำเสนอข่าวข้อเท็จจริง
จากกรณีเจ้าหน้าที่ ตำรวจภูธรภาค 2 เข้าตรวจสอบและจับกุมชาวจีนจำนวน 4 ราย ลักลอบเล่น ไพ่นกกระจอก ภายในพื้นที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยเป็นคดีรายย่อย ซึ่งได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น
แต่ล่าสุดกลับเกิดกระแสในโลกออนไลน์ หลังมี เพจข่าวบางเพจ นำภาพเหตุการณ์เก่าที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีมาประกอบข่าว พร้อมพาดหัวในลักษณะรุนแรง ชวนให้เข้าใจผิดว่าเป็นการ “ทลายบ่อนคาสิโนจีนเทา” และเชื่อมโยงถึง “เครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์” รวมถึงพาดพิงชื่อของ “เสี่ย อ.” โดยไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลจากทางราชการใด ๆ มารองรับข้อกล่าวหา
แหล่งข่าวในพื้นที่เปิดเผยว่า การนำเสนอข่าวในลักษณะดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริงของคดี และอาจมีลักษณะ “สร้างสถานการณ์” มากกว่าการรายงานข่าวเชิงข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเมื่อพาดพิงถึงบุคคลที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้มีบทบาทสำคัญในการ พัฒนาชุมชน สนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ “เสี่ยเอ้” ซึ่งถูกพาดพิงในโพสต์ข่าวปลอมนั้น เป็นที่รู้จักในฐานะผู้ประกอบการท้องถิ่นที่มีบทบาทเชิงบวกต่อสังคมในพื้นที่ โดยเจ้าตัวได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า ข้อกล่าวหาเป็นเท็จทั้งหมด และการเผยแพร่ข้อมูลเช่นนี้อาจส่งผลเสียต่อชื่อเสียงและครอบครัวโดยไม่เป็นธรรม
ผู้สังเกตการณ์ด้านสื่อมวลชนให้ความเห็นว่า การนำภาพเก่ามาประกอบข่าวใหม่ หรือใช้ถ้อยคำพาดหัวชวนเชื่อ เป็นการกระทำที่เสี่ยงต่อการ บิดเบือนข้อเท็จจริง และอาจสร้างความเข้าใจผิดในวงกว้าง ซึ่งขัดต่อหลักจริยธรรมของสื่ออย่างร้ายแรง
“การรายงานข่าวต้องตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง ไม่ใช่เครื่องมือสร้างความขัดแย้งหรือทำลายชื่อเสียงบุคคลอื่น โดยเฉพาะในช่วงที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง”
— ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อมวลชน ระบุ
ทั้งนี้ มีการเรียกร้องให้สื่อมวลชนและเพจข่าวออนไลน์ ยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพ ตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ก่อนเผยแพร่ เพื่อไม่ให้การนำเสนอข่าวกลายเป็น “อาวุธทางการเมือง” ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของสังคมและทำลายเกียรติของผู้บริสุทธิ์





