“…เวลา 11.00 น. วันที่ 21 มิ.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม…”
[inline_related_posts title=”คุณอาจสนใจเรื่องเหล่านี้” title_align=”left” style=”list” number=”4″ align=”none” ids=”” by=”categories” orderby=”rand” order=”DESC” hide_thumb=”no” thumb_right=”no” views=”no” date=”yes” grid_columns=”2″ post_type=”” tax=””]
นายเทพฤทธิ์ ชัยภูมิพิทักษ์ ทนายความ พร้อมด้วย นางจุ๊บแจง (นามสมมติ) อายุ 47 ปี และบุตรสาว เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ธงชัย โตเจริญ รอง สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ป. เพื่อติดตามความคืบหน้าคดี ภายหลัง นางจุ๊บแจง ทำหน้าที่เป็นหัวคะแนนให้ผู้สมัคร สก. ทำการเก็บสำเนาบัตรประชาชนชาวบ้านในพื้นที่กว่า 115 ราย แต่ชาวบ้านกลับได้เงินไม่ครบ จึงบุกมาล้อมห้องพักและเข้ามารุมทำร้าย รวมถึงนำกาวตราช้างมาหยอดกุญแจจนไม่สามารถเข้าห้องพักได้ ก่อนจะแจ้งความกับทางกองปราบปรามฯ เมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ผ่านมา
นายเทพฤทธิ์ ทนายความ เปิดเผยว่า หลังแจ้งความมานานเกือบ 1 เดือน แต่คดียังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ลูกความของตนยังเข้าห้องพักไม่ได้ ต้องเร่ร่อนขอความช่วยเหลือจากบุคคลอื่น ขีวิตมีความยากลำบาก จึงตัดสินใจเดินทางมาเพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดี และสอบถามผลการสอบสวนเบื้องต้นจากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการทางกฎหมายกับ สก. เขตสายไหม ซึ่งเพิ่งได้รับการเลือกตั้งไปครั้งล่าสุดนั้น ขณะนี้ทางเพจสายไหมต้องรอดได้เข้าร้องเรียนพฤติกรรมดังกล่าวต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ไปแล้ว ซึ่งคาดว่าอีกไม่นาน กกต. จะดำเนินการตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม หากจะพูดว่าเป็นการส่งเสริมการทุจริต ต้องขอเรียนว่าผู้เสียหายและทางพรรคมีความสนิทสนมกัน เมื่อขอความช่วยเหลือในเรื่องการหาเสียง ก็ทำตามโดยที่ไม่คิดว่ามีผลกระทบ ซึ่งคิดว่าหลังจากนี้ผู้เสียหายคงไม่กล้าทำแล้ว โดยเหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ผู้สมัครอาศัยความสนิทสนมส่วนตัว และบุญคุณที่ช่วยเหลือผู้เสียหายมาก่อนหน้านี้ โดยการขอให้ผู้เสียหายเป็นหัวคะแนนและรวบรวมรายชื่อชาวบ้านให้ ซึ่งเป็นการกระทำผิดที่ชัดเจน และยังสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น นอกจากนี้ยังเป็นการทำเป็นขบวนการ แต่ปัดความรับผิดชอบให้ผู้เสียหายคนเดียว
ด้าน นางจุ๊บแจง กล่าวว่า ตนเป็นคนบ้านๆ เมื่อผู้ที่เคยช่วยเหลือขอความช่วยเหลือมา ก็พร้อมทำให้ เป็นการทดแทนบุญคุณ แต่เนื่องจากตนไม่รู้จักคนมากมาย จึงอาศัยคนรู้จักอีกทอดหนึ่ง เก็บสำเนาบัตรประชาชนชาวบ้านในพื้นที่กว่ามา 115 ราย โดยตกลงกับชาวบ้านว่าจะจ่ายให้ตนละ 500 บาท แต่เมื่อนำสำเนาบัตรประชาชนไปส่งให้ กลับมีการจ่ายเงินให้ช่วบ้านเพียง 65 ราย ส่วนที่เหลืออีก 50 รายนั้น ผู้สมัคร ส.ก. บ่ายเบี่ยงไม่ยอมจ่ายให้ จึงทำให้ตนเองและครอบครัวถูกชาวบ้านที่ไปเก็บบัตรประชาชนบุกล้อมห้องพัก พยายามจะเข้ามารุมทำร้าย ต้องหนีตายออกมาทางหลังห้อง และยังถูกชาวบ้านนำกาวตราช้างมาหยอดจนไม่สามารถไขได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะส่งเสริมการทุจริตการเลือกตั้ง หรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่อย่างใด แต่ตนไม่รู้ว่าการกระทำลักษณะนี้จะเป็นความผิด ซึ่งตนไม่ได้รับค่าตอบแทนอะไรเลย
ชีวิตตอนนี้ลำบากมาก สองคนแม่ลูกไร้ที่อยู่ จึงอยากขอร้องให้ตำรวจเร่งดำเนินการติดตามจับกุมกลุ่มคนที่บุกมาทำร้าย และใช้กาวตราช้างหยอดแม่กุญแจจนเข้าห้องพักไม่ได้
หลังจากนั้นนายเทพฤทธิ์ ทนายความกล่าวว่า วันนี้มาไม่ได้นัดพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีไว้ จึงไม่ได้เจอ
ก่อนจะพาทีมงานพร้อมผู้ร้อง เดินทางกลับไปยังบ้านพัก บริเวณคอนโด ถ.เพิ่มสิน ซ.20 ที่ถูกหยอดกาวรูกุญแจ ก่อนจะใช้ช่วยกันเปิดประตูโดยจ่าคิงส์ แตงทิม ใช้คีมและที่ตัดเหล็กตัดกุญแจออกทันที เข้าไปขนย้ายข้าวของไปอาศัยอยู่ที่อื่น เนื่องจากไม่สามารถอาศัยอยู่ตรงนี้ได้อีกต่อไป
