วันจันทร์, พฤษภาคม 20, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการเงิน“เกาะติด” บทบาท ก.ล.ต.

Related Posts

“เกาะติด” บทบาท ก.ล.ต.

ก.ล.ต. สั่งเชือด CTO บิทคับ “มติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่ง”  ซื้อเหรียญ KUB ก่อนดีลใหญ่  “เปิดศึกหน้าบ้าน เขย่าหลังบ้าน”  ระวังถูกครหา “รังแกเด็ก”  เปรียบเทียบ แคมเปญล็อกเหรียญลงทุนสิงคโปร์ ก.ล.ต. อ้างไม่เคยหารือ  เสียหาย 2,000 ล้านบาท  ลูกค้าไทยมากถึงจำนวน 60,000-70,000 ราย  กลับได้ข้อหาแค่ปรับเงินเพียง 1.92 ล้านบาท ย้อนปม “ใช้ข่าวซื้อหุ้น” นักลงทุนรายใหญ่ตลาดหุ้นมองข้าม เข้าทำนอง “จ่ายแล้วจบ”

หลังจากธนาคาร ไทยพาณิชย์ หรือ SCB จะยกเลิกดีล ทำสัญญาซื้อหุ้นร้อยละ 51 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ บริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด หรือ BO จาก บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ BCGH มูลค่าประมาณ 17,850 ล้านบาท หลังจากเจรจากันมายาวนานนับตั้งแต่ 2 พฤศจิกายน 2564  จนสิ้นกระแสสงสัยเมื่อ 25 สิงหาคม  2565 ด้วยเหตุผลที่ประชุมคณะกรรมการ SCBS ครั้งที่ 15/2565 จึงมีมติให้ SCBS ยกเลิกธุรกรรมการซื้อขายหุ้น

ผลการสอบทานธุรกิจ (Due Diligence) ของ บิทคับ ออนไลน์ จำกัด   ไม่สามารถระบุเหตุผลชัดเจน ว่าเกิดจากอะไร แล้วต้องแก้ไขอย่างไร ถ้อยแถลง ส่อสะท้อนถึงความกังวลประเด็นที่มาจาก ก.ล.ต. อย่างชัดเจน ที่ระบุว่า …. อย่างไรก็ดีถึงแม้การสอบทานธุรกิจจะไม่มีข้อบ่งชี้ถึงความผิดปกติอันเป็นนัยสำคัญ  ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ แต่เนื่องจาก Bitkub ยังมีประเด็นคงค้างที่ต้องดำเนินการหาข้อสรุปตามคำแนะนำและสั่งการของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องระยะเวลาในการหาข้อสรุปดังกล่าว

เหมือนถูกขยี้ซ้ำ!   โดย ก.ล.ต. ให้เหตุผลว่า ได้รับการร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีมีเหตุสงสัยว่ามีบุคคลซื้อขายเหรียญ KUB โดยรู้หรือครอบครองข้อมูลระหว่างเจรจาดีลใหญ่เมื่อปี 2564 พบว่า กลุ่มธนาคาร SCB และบริษัท BCGH ได้เริ่มเจรจาการซื้อขายหุ้นของบริษัท BO ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม 2564 และในระหว่างวันที่ 4 กันยายน – 2 พฤศจิกายน 2564 

ก่อนการเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าว นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) ของบริษัท BBT ได้มีพฤติกรรมการซื้อเหรียญ KUB จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวน 61,107.66 เหรียญ มูลค่า 1,994,966.56 บาท ซึ่งต่างจากพฤติกรรมก่อนเกิดข้อมูลภายในดังกล่าว

“การกระทำของนายสำเร็จเป็นความผิดฐานซื้อเหรียญ KUB โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 42(1) ประกอบมาตรา 43(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 70 และมาตรา 72 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561”

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับนายสำเร็จ โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,530,383 บาท รวมทั้งห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเวลา 12 เดือน

การกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารดังกล่าวข้างต้นจะมีผลนับตั้งแต่วันที่ผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราที่อัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติโดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

ในกรณีนี้ ก.ล.ต. ได้ประสานความร่วมมือกับกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ในการตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของหน่วยงานทั้ง 2 แห่งที่ได้มีการหารือแนวทางการทำงานเชิงรุกร่วมกันในการสืบสวนและตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย

ต่อมาเฟซบุ๊ก Bitkub Chain ได้เผยแพร่ข้อความ “ประกาศเรื่อง คุณสำเร็จ วจนะเสถียร CTO ยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งตามปกติ”

ขอแจ้งให้ทราบว่า นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Technology Officer : CTO) ยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวตามปกติ จนกว่าจะเกิดความชัดเจนในกระบวนการทางกฎหมาย โดยบริษัทจะติดตามและเรียนแจ้งให้ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านทราบต่อไป

จากกรณีดังกล่าวบริษัทขอยืนยันว่า บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ตลอดจนการพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain และการดำเนินการของบริษัท ไม่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด

บริษัทขอเรียนให้ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านทราบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคต บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain ตามแผนงานที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับสาธารณะชนดังที่นำเสนอผ่านเอกสาร Whitepaper ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้ Bitkub Chain เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแรงของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำระดับโลก ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงได้และสร้างประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม และโปร่งใสต่อไป

เพราะแม้ ก.ล.ต. จะตรวจพบว่ามีการซื้อขายของผู้บริหารจริง แต่ ก.ล.ต. ก็ไม่สามารถชี้ได้ว่า พฤติกรรมดังกล่าวกระทบต่อนักลงทุนทั่วไปหรือไม่ เพราะการซื้อครั้งนั้นอาจส่งผลเชิงบวกต่อธุรกิจและนักลงทุนทั่วไปเช่นกัน โดยเฉพาะเพื่อสร้างความเชื่อมั่น ลองนึกภาพว่าเมื่อผลิตสินค้าขึ้นมา ขนาดเจ้าของและผู้มีส่วนร่วมผลิตยังไม่อยากซื้อไม่อยากได้ แล้วผู้บริโภคที่ไหนจะกล้าซื้อของไปกินไปใช้กัน

วนอยู่กับค่าปรับที่มองว่าผิด  โดยไม่มีมาตรการตรวจสอบว่า การกระทำเหล่านั้น เจตนาด้านประโยชน์คืออะไร…

ไม่นานหลังจากนั้น นายสำเร็จ วจนะเสถียร ได้ทำการโพสชี้แจงบน Facebook ของเขา โดยเนื้อหาเป็นการยืนยันความบริสุทธิ์และอธิบายการกระทำของเขาเกี่ยวกับการซื้อเหรียญ KUB

นายสำเร็จ วจนะเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายเทคโนโลยี (Chief Technology Officer : CTO) Bitkub

โดยบอกว่าตนเข้าใจเรื่อง Insider trading เป็นอย่างดีจึงไม่เคยซื้อเหรียญขณะที่ทำโปรเจคอยู่ แต่มีช่วงเวลาเล็กน้อยที่ตนไม่ได้ทำโปรเจคจึงสามารถซื้อเหรียญได้ ซึ่งตนเองเป็น CTO ของ BBT ที่เป็นคนละบริษัทกับทาง Exchange นั้นทำให้เขาไม่ทราบถึงการ Deal กันของ SCB ล่วงหน้า การซื้อเหรียญ KUB ของเขาเป็นการซื้อเหรียญปกติไม่ได้ผิดแปลกอะไร เพียงเป็นความบังเอิญที่ตรงกับการ Deal พอดี

เขาอธิบายว่า การซื้อเหรียญ KUB ของเขานั้นเป็นการลงทุนระยะยาวเพราะเขาไม่มีการเทขายทั้งหมดเพื่อทำกำไรเลย มีเพียงแลกเปลี่ยนเป็นค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange เท่านั้น และเขายังเผยว่า ตนได้บอกเรื่องทั้งหมดแก่ ก.ล.ต. แล้ว แต่ทาง ก.ล.ต. ยังคงตัดสินโทษเอาผิดอยู่ เขาจึงขอสู้ในกระบวนการทางกฎหมายต่อไป

การซื้อเก็บไว้ แต่ไม่ได้เทขายหมดหน้าตัก เป็นเพียงการซื้อแล้วถือระยะยาว แต่ข่าว CTO ซื้อเก็บไว้ครั้งนี้ ดูครึกโครม ในหมู่ขาแช่ง บิทคับ เสียมากกว่า ที่เฮโลสาบส่ง   ทั้งที่ยังเทียบไม่ได้กับความเสียหายกรณี ฝากเงิน ล็อคเหรียญ ลงทุนที่สิงคโปร์ จนเกิดความเสียหาย 2,000 ล้านบาท สร้างความเสียหายกับลูกค้าไทยมากถึงจำนวน 60,000-70,000 ราย แต่ ก.ล.ต. กลับได้แต่ปรับเงินเล็กน้อย เพียง 1.92 ล้านบาท โดยอ้างว่าการผิด Trading Rules หรือระงับการซื้อขายโดยไม่มีเหตุอันควร  ส่วนความผิดฐานอื่นๆยังอยู่ในขั้นตอนการทำงาน สาละวนอยู่กับการปรึกษาหารือทั้งกรณีเอาผิดประเด็น เข้าข่ายประกอบธุรกิจอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ และข้อหาผิดตามกฎหมายอื่น นอกเหนือจาก พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลหรือไม่

ทั้งที่เวลาผ่านไปร่วม 2 เดือนแล้ว ด้านตัวแทนผู้เสียหาย  นอกจากทวงถาม ก.ล.ต. ในเรื่องการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ฝากเหรียญไปต่างประเทศจนเสียหายแล้ว   ยังเคยนำเสนอให้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อรวบรวมข้อมูลจากผู้เสียหายทั่วประเทศ และให้ดึงผู้เชี่ยวชาญคนนอกเข้าร่วมตรวจสอบข้อมูลธุรกรรม บนบล็อกเชน เพื่อให้การดำเนินการรวดเร็ว และรอบด้านขึ้น เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความซับซ้อนทางเทคนิคจึงไม่ควรมีแค่ตัวแทนจากฝ่ายผู้ให้บริการ และ ก.ล.ต. เท่านั้น

หรือ ก.ล.ต. จะขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบธุรกรรมเหล่านี้ จนเดินเรื่องแบบไม่รู้ถึงไหนแล้ว ข่าวเงียบหายไปหลายวัน จนมีประเด็นข่าวร้อนเสิร์ฟใหม่ๆ เรื่อยๆ แต่ความเสียหายจำนวนมาก  ย้ำว่า 2,000 ล้านบาท  ลูกค้าไทยมากถึงจำนวน 60,000-70,000 ราย กลับ ไม่มีการตั้งโต๊ะ รายงานความคืบหน้าเป็นลำดับๆ

เป้าหมายต่อไปที่สายแช่งทั้งหลาย ต้องการจะล้มบิทคับลง ชาวบ้านเขามองตรงเป้าว่า น่าจะเป็นเรื่องการลดความน่าเชื่อถือเหรียญ KUB เสียมากกว่า  ถึงขนาดที่….บิทคับต้องเร่งชี้แจงดักคอ บรรดาขบวนการล้มบิทคับหัวโบราณไว้ก่อนเลยว่า ….

บริษัทขอเรียนให้ลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านทราบว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาและต่อไปในอนาคต บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาเครือข่าย Bitkub Chain ตามแผนงานที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับสาธารณะชนดังที่นำเสนอผ่านเอกสาร Whitepaper ด้วยความมุ่งหวังที่จะให้ Bitkub Chain เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัลที่แข็งแรงของประเทศไทยให้ทัดเทียมกับเครือข่ายบล็อกเชนชั้นนำระดับโลก ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถเข้าถึงได้และสร้างประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนอย่างเท่าเทียม และโปร่งใสต่อไป

คล้ายกับว่ารู้นะคิดอะไรอยู่ จึงชิงหักธงรบ ขาแช่ง เพื่อให้นักลงทุนที่เชื่อมั่นในเหรียญมีความเชื่อมั่น …. ว่าเจตนารมณ์ของเหรียญ KUB แตกต่างออกไปจากเหรียญอื่นๆ และมีมาตรฐานแบบที่ชี้แจงก่อนหน้า

แน่นอน ก.ล.ต. หนีไม่พ้นการถูกตั้งคำถามว่า มาตรฐานที่มาทีหลังเหล่านั้น… มีใบสั่งหรือไม่ เพราะไม่ว่าเอกชนชี้แจงกลับไปอย่างไรก็ดูจะไม่เคยตรงคำถาม ก.ล.ต. เอาเสียเลย

และความบ้องตื้น ของสายแช่งทั้งหลาย ที่เอาเจตนารมณ์ของเหรียญแต่ละชนิดมาเปรียบเทียบ ชี้วัดว่าฝ่ายหนึ่งใสสะอาด ฝ่ายหนึ่งดำมืดสกปรก ล้วนเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะแต่ละเหรียญดิจิตอล ล้วนมีวัตถุประสงค์แตกต่างกันไปอย่างชัดเจน

เพียงแต่ผู้คุมกติกาเท่านั้น ที่จะมองว่า ชอบหรือไม่ชอบ  แต่ถึงจะไม่ชอบใจเอกชนบางราย ก็ใช่ว่าจะต้องไปตั้งแง่กับเขา

อีกมุมมองที่น่าขบขัน ขบวนการล้มเหรียญคับ ปากก่นด่าว่าสร้างเหรียญไม่ตรงปก… แต่หันไปอีกด้านมองเห็นบุคลากรเอกชนในบิทคับ ล้วนมากด้วยความสามารถ ทั้งหน่วยงานรัฐบางแห่ง ธนาคารใหญ่บางราย  จ้องจะซื้อตัวกันตาเป็นมัน..!

นอกจากการขยี้เหรียญ KUB แทบทุกด้าน จากรายงานข่าวระบุ ก.ล.ต. ใช้ไม้แข็งกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกด้วย เรียกว่า โดนเขย่าจากทั้งศึกนอก ศึกใน โดยชี้มูลว่า Bitkub  ให้คะแนนในหัวข้อการระดมทุนและหัวข้อส่วนลด Pre-ICO Sale ที่ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเหรียญ KUB ด้วย จึงทำให้ ก.ล.ต. เห็นว่า คะแนนการคัดเลือกเหรียญ KUB โดยรวมไม่ถึงเกณฑ์ที่จะอนุมัติเข้ามาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้

บริษัท บิทคับ ออนไลน์ และกรรมการ 5 คน ในคณะกรรมการคัดเลือกสินทรัพย์ดิจิทัลของ BO ต้องจึงต้องโดนลงโทษปรับปรับเงินรายละ 2,533,500.00 บาท ในกรณีที่คัดเลือกเหรียญ KUB เข้าซื้อขายในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไม่เป็นไป Listing  Rule และไม่ได้คำนึงถึงมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI)

ย้อนมองการชี้มูลความผิดว่าใช้ข่าววงในเพื่อการซื้อเหรียญคับเก็งกำไร โดยไม่ได้พิสูจน์เจตนาและความเสียหายที่เกิดกับนักลงทุนรายย่อย

ในตลาดหุ้นที่ ก.ล.ต ควบคุมมา 40 ปี กลับมีเรื่องฉาวทำนองเดียวกันไม่น้อย และชัดเจนว่ารายย่อยคือเหยื่อ…!

ถาม ก.ล.ต ว่านอกจากค่าปรับส่งเข้าคลังแล้ว มีมาตรการดูแลรายย่อยหรือไม่..? ดูเหมือนว่า ก.ล.ต. จะเก่งในการสั่งใช้มาตรการทางแพ่ง สั่งปรับบรรดาขาใหญ่ ตั้งแต่หลักล้านไปจนถึงหลายร้อยล้าน

ส่วนขาใหญ่ดูไม่สะเทือนพร้อมควัก “จ่ายแล้วจบ”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts