สองสามีภรรยาช้ำ! ร้อง “ทนายรณณรงค์” หลังบ้านถูกเจ้าหน้าที่ธนาคารบุกยึดแต่ผิดหลัง ซ้ำผู้รับเหมาเข้ามาขนของจนเกลี้ยง ของสำคัญหลายอย่างถูกเผา ก่อนติดป้ายประกาศขาย สุดท้ายเรื่องกระจ่าง เจ้าหน้าที่แค่โทรมาขอโทษ ขอไกล่เกลี่ยค่าเสียหาย
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ “ทนายคู่ใจ” ของ นายรณรงค์ แก้วเพชร ได้โพสต์เคสของแฟนเพจที่เข้ามาร้องเรียน หลังจากที่ธนาคารยึดบ้านผิดหลัง โดยระบุว่า คุณกาญจนา ร้องกับทางเพจทนายคู่ใจเข้ามาว่า มีบ้าน เลขที่ 99/38 อยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา มีผู้รับเหมาเข้ามารื้อทรัพย์สินภายในบ้านออกไปจนหมด เหลือแต่บ้านโล่งๆ บริเวณภายนอกก็ตัดต้นไม้ รื้อกันสาด ยกสิ่งของออกไปจนหมด และติดป้ายประกาศทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก
วันที่ 15 กันยายน 2565 เพื่อนบ้านสงสัยว่าทำไมมีป้ายติดประกาศว่าบ้านเป็นทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุกและติดประกาศขาย แต่ในประกาศเป็นบ้านเลขที่ 99/44 เพื่อนบ้านเลยโทรติดต่อธนาคารไปเพื่อที่จะขอซื้อดู จึงได้รู้ว่าบ้านที่จะขายนั้นบ้านเลขที่ 99/44 ไม่ใช่ บ้านเลขที่ 99/38
เพื่อนบ้านเลยโทรแจ้งคุณกาญจนาว่า “จะขายบ้านเหรอ เห็นคนมารื้อบ้านรีโนเวทและติดป้ายของธนาคาร” ซึ่งพอทราบเรื่องจากเพื่อนบ้านแล้ว จึงได้รีบเดินทางไปที่บ้านหลังนั้น ซึ่งก็เห็นตามสภาพคือบ้านโล่งๆ ของถูกรื้อเอาออกไปจนหมดทุกอย่าง ประตูห้องครัวและประตูระเบียงถูกปิดล็อกโดยกุญแจของธนาคาร และก็ได้โทรแจ้งทางคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร คอลเซ็นเตอร์ก็รับเรื่องไว้
วันที่ 16 กันยายน ได้ไปลงบันทึกแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจลาดหลุมแก้ว และก่อนที่จะเข้าไปแจ้งความได้ติดต่อไปที่คอลเซ็นเตอร์อีกครั้ง ทราบว่ารับเรื่องไว้ และจะติดต่อกลับภายใน 3 วันทำการ แต่เนื่องจากมีคนที่รู้จักกับทางนิติกรของธนาคารจึงโทรไปแจ้งฝ่ายนิติกรว่ามีการยึดบ้านผิด และผู้รับเรื่องแจ้งว่าจะให้เจ้าหน้าที่นิติกรติดต่อมา
วันที่ 17 กันยายน มีเจ้าหน้าที่นิติกรโทรมาขอโทษ และแจ้งว่าเป็นความผิดของธนาคารจริงที่เข้าทำบ้านผิดหลัง และธนาคารแจ้งว่าจะให้ทางนิติกรเข้ามาคุย จึงนัดให้ไปพบและคุยที่สถานีตำรวจในวันที่ 20 กันยายน
วันที่ 18 กันยายน ตำรวจก็ขอเข้ามาดูบ้าน ถ่ายรูปและตนก็ได้เอากุญแจชุดใหม่ไปคล้องไว้ที่หน้าบ้าน เพราะรั้วหน้าบ้าน ธนาคารเอากุญแจออกไปแล้ว
สำหรับป้ายที่ติดหน้าบ้านและกุญแจรั้วหน้าบ้านพอทางธนาคารรู้ว่าผิด ธนาคารก็ได้รีบดำเนินการมาเอาป้ายและกุญแจออก ก่อนที่ตนจะเข้าไปที่บ้าน
เมื่อวันที่ 20 กันยายน คุณกาญจนา กับทางตัวแทนธนาคาร ได้มาเจรจาตกลงค่าเสียหายกัน เบื้องต้นประเมินไว้ประมาณ 2 ล้านบาท ธนาคารแจ้งว่าเป็นการเข้าทำผิดหลัง ไม่ได้มีเจตนาแต่อย่างใด ทรัพย์สินบางอย่างได้ถูกเก็บไว้ที่อีกที่หนึ่ง แต่บางอย่างได้ถูกทำลายไปแล้ว เช่น เสื้อผ้า หนังสือเก่า รูปภาพ ของสะสมต่างๆ รวมถึงของใช้ของลูกซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ ไม่สามารถหามาทดแทนได้แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้รับของที่เก็บไว้คืนก่อน แต่ยังแจ้งไปว่ายังไม่รับคืน และยังไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง
วันที่ 26-27 กันยายน ได้โทรสอบถามทางเจ้าหน้าที่นิติกร และทนายของธนาคาร ว่าได้ดำเนินการอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่แจ้งว่ากำลังรวบรวมรายการทำทรัพย์สินที่ธนาคารเก็บไว้เพื่อจะส่งคืน แต่ไม่ได้พูดถึงการชดใช้ค่าเสียหายใดๆ การติดต่อดำเนินการทุกอย่าง เป็นเจ้าของบ้านที่ต้องคอยติดต่อ สอบถามไปเอง ไม่ได้รับการใส่ใจในการแก้ปัญหาใดๆ จากทางธนาคารเลย
ทั้งนี้ บ้านของคุณกาญจนา กับบ้านที่ถูกประกาศขาย 99/44 ห่างกันไป 3 หลัง และบ้านของตนยังไม่เคยถูกฟ้องไม่ได้มีคดีอะไรและไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ กับทางธนาคารที่เข้ามารื้อของด้วย
ด้าน ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายทวงคืนความเป็นธรรม บอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตามพยานหลักฐานที่มีในตอนนี้ พบว่าทางธนาคารมีความผิดจริง ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องทางธนาคารได้ 3 ข้อหาหลัก ๆ คือ ร่วมกันบุกรุก, ทำให้เสียทรัพย์ และหมิ่นประมาท โดยวันนี้ทนายจะพาไปแจ้งข้อหาเพิ่ม ยืนยันเจ้าหน้าที่ธนาคารนำบ้านเลขที่ไปซ่อน
นี่ก็ถือว่าเป็นความผิดพลาดของธนาคาร ที่อาจจะต้องมีการทบทวนวิธีการทำงานใหม่ให้ละเอียดมากขึ้น รวมถึงเป็นอุทาหรณ์ของคนที่มีบ้าน แล้วไม่ได้อยู่ด้วย แต่เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ไม่ใช่ความผิดของเจ้าของบ้าน