วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกการเมือง“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง “สีฯ” (ตอนเจ็ด) ปฏิรูปก็ไม่ทำ-ยังหวังเรื่องอื่นจาก “ตู่”เ หรอ?

Related Posts

“ตู่” ต้องคิดต้องทำอย่าง “สีฯ” (ตอนเจ็ด) ปฏิรูปก็ไม่ทำ-ยังหวังเรื่องอื่นจาก “ตู่”เ หรอ?

“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

ไม่มีวัน..ที่ “นายกฯ ตู่” จะคิดและทำ..เหมือนดั่งประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” แห่งมังกรจีน..แน่นอน!

ด้วยระบอบการเมืองชาติไทยไม่เหมือนชาติจีน! แถมสมอง “นายกฯ ตู่” ของชาติไทย ต่างจากสมองประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง ”ของชาติจีน!

การคิดและทำของ “นายกฯ ตู่” จึงทวีความเหลื่อมล้ำหลากมิติยิ่งขึ้น จนสถิติพุ่งติดอันดับต้นๆ ของโลก ที่แน่ๆ ฝีมือรัฐบาล “นายกฯ ตู่” นี่แหละ ที่เอื้อให้ “คนรวย-รวยยิ่งขึ้น..คนจน-จนลงทุกวัน” จนผู้คนรับรู้และเห็นกันชัดแจ้งแดงแจ๋..

ก่อนอื่น..ต้องยอมรับความจริงว่า “นายกฯ ตู่” ไม่ใช่รัฐบาลแรก ที่เอื้อผลประโยชน์อย่างมหาศาลให้ “กลุ่มคนรวย” ที่เป็นคนส่วนน้อย ให้รวยยิ่งขึ้น และไม่ใยดีเท่าที่ควรต่อคนส่วนใหญ่ที่ “ยากจน” ปล่อยให้ทุกข์ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ในสังคมไทย ที่เสื่อมถอยไร้อนาคต ด้อยโอกาสในการทำมาหากิน ผู้คนจึงพากันวิพากษ์รัฐบาลในช่วงเกือบสองทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลจากการรัฐประหาร.. ซึ่งต่างก็อ้างว่า ทำเพื่อประชาชน.. แต่ทำไม? วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่จึงยังคงทุกข์ยาก? ทำไมช่องว่างระหว่างชนชั้นจึงถ่างกว้างยิ่งขึ้น ชนชั้นกลาง-ล่างมีจำนวนมากขึ้น? ถ้ารัฐบาลรักประชาชนจริง คนจนต้องลดลง ประชาชนส่วนใหญ่ต้องมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีอาชีพ มีฐานะมั่นคง ไม่ใช่หรือ?

ในยุครัฐบาลเลือกตั้งของ “เหลี่ยม” กับเครือข่าย ที่บริหารชาติอย่างไม่โปร่งใส อีกทั้งเหิมเกริมบังอาจล้มเจ้า ทำให้ผู้รักชาติเทิดทูนสถาบันฯต้องชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่ ต่อสู้รัฐบาลโกงชาติล้มเจ้านานแรมปี เมื่อสถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ กระทบต่อความมั่นคงของชาติ จึงเป็นข้ออ้างให้ “ขุนทหาร” ทั้ง “บิ๊กบัง” และ “บิ๊กตู่” นำกองทัพทำรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลเลือกตั้ง ในปี 2549 และ 2557

หนึ่งปีหลังการรัฐประหารของ “บิ๊กบัง” ประชาชนต่างพากันไม่สบอารมณ์ ที่ไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในทางที่ดีขึ้นแม้แต่น้อย.. จึงเกิดวาทกรรม “รัฐประหารเสียของ-รัฐประหารเยี่ยวไม่สุด”

ครั้นเมื่อ “บิ๊กตู่” ยึดอำนาจท่ามกลางกระแสสูงของการปฏิรูปชาติ ซึ่ง “หน.ครปห.ตู่” ได้ประกาศผ่านสื่อฯ อย่างชัดเจนว่า “จะปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” เป็นการจุดประกายความหวังครั้งใหม่ให้ชาวไทย ผู้คนต่างพากันหลงเชื่อคำหลอกลวงของ “บิ๊กตู่” ชนิดหัวปักหัวปำ ถึงกับนำ “ดอกไม้” ไปให้ “ขุนทหาร” แทนที่จะขว้าง “ก้อนหิน” ใส่ ฐานฉีก “รัฐธรรมนูญ” ทิ้ง

เมื่อ “บิ๊กตู่”ได้ “ดอกไม้” จากผู้คนมากมายเช่นนั้น “หน.ครปห.ตู่” จึงฉวยโอกาสควบตำแหน่งเป็น “นายกฯ เผด็จการทหารตู่” มีอำนาจล้นฟ้าด้วย “มาตรา 44” ยึดอำนาจรัฐบริหารชาติต่อเนื่องนานกว่า 5 ปี!

ผู้คนมองว่า “บิ๊กตู่” หลงระเริงเหลิงอำนาจ สนุกกับการเป็น “นายกฯ เผด็จการทหาร” ร่วมกับพลพรรคทำทุกวิถีทาง เพื่อสืบทอดอำนาจเป็น “นายกฯ ตู่” ผ่านการเลือกตั้งทั่วไป โดยไม่สนใจในเรื่อง “ตระบัดสัตย์” ที่ว่า “จะปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”!!!

รวมแล้ว “นายกฯ ตู่” อยู่ในอำนาจรัฐต่อเนื่องยาวนานกว่า 8 ปี ในสภาพเป็น “คนตระบัดสัตย์” ต่อ “คนไทยทั้งชาติ”..

อ้อ!..แม้ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เสียงข้างมาก จะคืนตำแหน่งให้ “บิ๊กตู่” เป็น “นายกฯ” ก็อย่าหวังเลยว่า ช่วงเวลาสั้นๆ ในการกลับมาเป็น “นายกฯตู่” นั้น “เขา” จะปราบปรามขบวนการโกงชาติ! จะลดความเหลื่อมล้ำในมิติสำคัญๆ ในสังคมได้ ฯลฯ

อ้อ!.“บิ๊กตู่” ที่ประกาศจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” แต่ได้จัดเลือกตั้งทั่วไป โดยไม่มีการปฏิรูปชาติใดๆ เรียบร้อยไปแล้วนั้น.. มีพรรคการเมืองที่หนุน “นายกฯ ตู่” ออกอาการดีใจจนเนื้อเต้นลืมตัว กระทั่งเปิดเผยว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เขียนเพื่อพวกเรา!”

ทว่า!.. “พรรคหนุนตู่” กลับพ่ายแพ้ “พรรคของเหลี่ยม” ที่ได้ “ส.ส.เขต”

ว่ะ?..เฮ้อ..ข้ามเรื่อง “บิ๊กตู่” ตระบัดสัตย์ ไม่ทำตามคำพูด กับไม่แก้ต้นเหตุปัญหาสำคัญๆ ของชาติ หันมาดูวิธีคิดกับการกระทำของประธานาธิบดี“สีจิ้นผิง”ดีกว่า..

“สีจิ้นผิง” มุ่งแสวงหามิติสูงสุด ด้วยการ “ระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง” ด้วยการหลักยึด “อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องปิดบังได้ อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย วิญญูชนย่อมระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง” เพราะภายนอกมีคนดูแลสอดส่องอยู่เสมอ คนส่วนมากจะระมัดระวังพฤติกรรมของตน ไม่กระทำเรื่องนอกลู่นอกทาง..

แต่ปัญหามักเกิดยามที่ไม่มีใครคอยเฝ้าสังเกต “ระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง” จึงต้องใช้วิธีควบคุมตนเอง ที่ปราชญ์โบราณพร่ำสอนไว้ โดย “จักรพรรดิคังซี” เคยให้คำกำจัดความว่า “ไม่หลอกลวงแม้อยู่ในห้องมืด” และนำมาเป็นคำสอนลูกหลานในคัมภีร์ “ต้าเสวีย” และคัมภีร์ “จงยง” ก็มีคำเตือนใจสำหรับยามอยู่ตามลำพัง

โดย “เจิงกั๋วฟาน” ขุนนางปลายสมัยราชวงศ์ชิง ได้เขียนในพินัยกรรมว่าด้วยเรื่อง “ระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง” ซึ่ง “สีจิ้นผิง” นำมากำกับให้ชาวพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ระดับบริหาร ถือเป็นมิติหนึ่งของการบำเพ็ญตนว่า

“สมาชิกพรรคทุกคนแม้ยามต้องทำงานตามลำพัง ไม่มีใครกำกับดูแล มีโอกาสในการทำเรื่องไม่ดี แต่ยังคงสามารถระมัดระวังตนเองไม่ทำเรื่องไม่ดีใดๆ” เจ้าหน้าที่ระดับบริหารของพรรค เป็นผู้มีอำนาจในมือ ไม่เพียงต้องการการกำกับดูแลจากองค์กรและระบบ ขณะเดียวกันยังต้องมีวินัยในตนเอง ทำให้เหมือนกันทั้งบนเวทีและล่างเวที เป็นคนคนเดียวกันทั้งต่อหน้าและลับหลัง

โดยเฉพาะยามอยู่คนเดียวไม่มีใครสอดส่อง กับเรื่องเล็กเรื่องน้อย ยิ่งต้องระมัดระวัง ดุจเดินบนผิวน้ำแข็งที่เปราะบาง ดุจเดียวกับกำลังจะก้าวสู่น้ำลึก ต้องไม่ปล่อยตัวตามอำเภอใจ ไม่นอกลู่นอกทาง และไม่ละเมิดกรอบความประพฤติ

ในคัมภีร์ “หลี่จี้” บทแรก ได้กล่าวถึงเรื่อง“การระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง” ระบุว่า “ดังนั้นวิญญูชนพึงระมัดระวังต่อสิ่งที่มิเห็น หวั่นเกรงในสิ่งที่ไม่ได้ยิน อย่าคิดว่าปิดบังได้ อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้วิญญูชนจึงพึงระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง”

ส่วนบท “ต้าเสวีย”

ในคัมภีร์ “หลี่จี้” อธิบายว่า “นี่เป็นความสุจริตใจและแสดงสู่ภายนอก ด้วยเหตุนี้วิญญูชนจึงต้องระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง” หมายความว่า วิญญูชนแม้อยู่คนเดียวตามลำพังไม่มีใครรู้เห็น ยังคงมีสำนึกสูงล้ำ และกระทำหรือประพฤติตามหลักคุณธรรม ไม่ทำสิ่งใดที่ขัดต่อคุณธรรม ไม่ว่าจะเป็นการครองตนหรือการทำงาน

ซึ่งย่อมตรงข้ามกับคนพาล “ยามอยู่ว่างคนพาลจะประพฤติมิชอบ” “ปกปิดความไม่ดีและอวดอ้างแต่สิ่งดี” คนพาลยามกระทำการไม่ดี ย่อมพยายามกลบเกลื่อนปิดบัง แต่ย่อมปิดบังไม่ได้นาน มีเพียงการถือความสุจริตใจเป็นที่ตั้ง จึงจะสามารถแสดงออกสู่ภายนอก

สุดท้าย..“สีจินผิ้ง” จึงสรุปโดยยึดหลักตลอดมาว่า “การระมัดระวังยามอยู่ตามลำพัง จึงเป็นมิติสูงสุดในการครองตน”!

“นายกฯ ตู่” มิเคยครองตนเยี่ยง “สีจิ้นผิง” ดูได้จากพฤติกรรมของตัว “นายกฯ ตู่” เอง ช่วงทำรัฐประหารสำเร็จ ดำรงท่าทีกร่าง พูดจาใหญ่โตแข็งกร้าว ทวงบุญคุณกับประชาชนบ่อยครั้งตลอดมา แถมประกาศวาจาลมๆ แล้งๆ โดยไม่ได้ทำหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง” ที่ล้มเหลวมานานกว่า 8 ปี จนจะมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งในเร็วๆนี้แล้ว!

โดย “นายกฯ ตู่” ยังคงไม่ปราบปรามคนโกงชาติจริงจัง! ไม่ลดความเหลื่อมล้ำมิติสำคัญๆ ของชาติเช่นเดิม! ไม่ปฏิรูปชาติในเรื่องอันเลวร้ายให้ลดน้อยหรือหมดไปแม้แต่น้อย!

ยังเป็น “บิ๊กตู่” คนหน้าเดิม ที่คิดและทำแบบเดิมๆ ซ้ำซากน่าเบื่อ ทำให้ชาติกับประชาชนมองไม่เห็น “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” แม้แต่น้อย!…เฮ้อ..เวรกรรม..

“บิ๊กตู่” เป็น “นายกฯ” มากว่า 8 ปี ถูก “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ” เสียงข้างมาก ให้หยุดพักงานในตำแหน่ง “นายกฯ” นานเป็นเดือน อยู่ตามลำพังก็ยังจมปลักกับความคิด และการกระทำดังเช่น “ตู่คนเดิม”

หน.ครปห.ตู่” กับ “นายกฯ ตู่” คือ “คนเดียวกัน” กับ “คนที่ตระบัดสัตย์” หลอกประชาชนให้ดีใจชั่ววูบ ด้วย “คำพูด” ลมๆ แล้งๆ ว่าจะ “ปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้ง”

เฮ้อ..เรื่องอื่นๆ อย่าไปหวังพึ่ง “คนอย่างตู่” เลย..เสียเวลาเปล่า..

“ตู่คือตู่-สีคือสี” ฝีมือต่างกันจริงๆ เพราะ “นายกฯ ตู่” ทำสถิติ “คนจนในไทยเพิ่มขึ้น”! ในขณะที่ประธานาธิบดี “สีจิ้นผิง” กำลังทำให้ “คนจนในจีนหมดไป”..!

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

Latest Posts