ตัวแทนผู้เสียหายคดีแชร์ลูกโซ่ ”ยูฟัน” ขอบคุณตำรวจช่วยประสานอายัด และคืนทรัพย์ ฝากถึงผู้เสียหายรายอื่นๆ รับมาติดต่อขอดูทรัพย์ และรับคืน
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 ธ.ค.65 ที่ ห้องประชุม 1 ชั้น 2 กองบังคับการปราบปรามกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน กทม. พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รอง ผบช.ก.พบตัวแทนผู้เสียหายในคดีแชร์ลูกโซ่ ”ยูฟัน” เรื่องการร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ที่ยึดมาได้ตั้งแต่ปี 2558 คดีผ่านมา 8 ปี
สืบเนื่องจากราวปี 2558 ผู้ต้องหาร่วมกันชักชวนผู้เสียหายเข้าร่วมในเครือข่ายในการประกอบธุรกิจแชร์ยูฟัน ซึ่งมีน้ำผลไม้-สมุนไพร-เครื่องสำอางผิวหน้า โดยทำให้หลงเชื่อว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่าย แต่ภายหลังได้หลอกลวงขายหน่วยลงทุนทางอิเล็กทรอนิกส์จำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ ที่เรียกว่ายูโทเคน (U–TOKEN) โดยอ้างว่าได้รับความนิยมและยอมรับในประเทศออสเตรเลีย-มาเลเซีย ต่อมาไม่สามารถปันผลค่าตอบแทนให้กับสมาชิกได้ มีมูลค่าความเสียหายจำนวนเงินหลายหมื่นล้านบาท โดยมีผู้ร่วมกระทำผิดจำนวน 164 คน มีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งผู้กระทำผิดบางส่วนถูกจับดำเนินคดี และบางส่วนยังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุม
ตัวแทนผู้เสียหายจำนวน 3 คน กล่าวขอบคุณตำรวจ บก.ปคบ.และหน่วยงานอื่นที่ช่วยทำคดี และประสานงานอายัดทรัพย์คืนทรัพย์ในคดียูฟัน รวมกันประมาณ 3 ล้าน 5 แสนบาท และอยากเชิญผู้เสียหายที่เหลือมาติดต่อขอดูทรัพย์และรับคืน
นาง เอ.(นามสมมุติ) ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย กล่าวว่า ทรัพย์นั้นตำรวจยึดมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2558 แต่ประกาศขายทอดตลาดไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายไม่รองรับ รถหรูก็จอดไว้นาน ราคาก็ตก ตนคิดว่าควรขายทอดตลาดแล้วหารเฉลี่ยคืนกลุ่มผู้เสียหาย นอกจากนี้ยังมีทรัพย์ที่ ปคบ.ยึดไว้จากจำเลยที่ต้องโทษจำคุก มีรถหรูไม่ต่ำกว่า 25 คัน เป็นรถยนต์ bmw i8, รถยนต์ปอร์เช่, รถยนต์เฟอร์รารี่ และบ้านหรู
ตอนนี้ผู้เสียหายพบปัญหาว่าจำเลยออกมาจากเรือนจำแล้ว 2 คน หลังคดีของเขาสิ้นสุดด้วยการไม่ฎีกา ไม่สู้คดีต่อ รับโทษครบแล้วได้รับการปล่อยตัว ทราบมาว่าจำเลยสองรายนี้ส่งทนายมาติดต่อขอรับทรัพย์สินที่ตำรวจไม่ได้อายัดทรัพย์เอาไว้ ซึ่งเป็นกองทุนในชื่อของเขาเอง ผู้เสียหายเกรงว่า ถ้ามาร้องเฉลี่ยโดยไม่เคยสืบทรัพย์อะไรเลยจะไม่ทราบในเรื่องนี้ อยากให้รีบมาไม่งั้นเขาใช้สิทธิ์แบบนี้ต่อไป
พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ตนขอเป็นตัวแทนรับมอบ ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องจากตำรวจที่ทำคดีสืบสวนสอบสวนชุดก่อน จนส่งฟ้องคดีในชั้นศาลฎีกา ตอนนี้ทรัพย์สินที่อยู่ในความดูแลของ บก.ปคบ.ที่ยึดมามีจำนวนกว่า 800 รายการ มีทรัพย์สินที่มีมูลค่าและอื่น ๆ อีกบางส่วน อีกส่วนอยู่ระหว่างดำเนินคดี ฝากทรัพย์ไว้ที่ ป.ป.ง.โดยคดีหลักยื่นส่งฟ้องต่อศาลไปบางส่วน และยังเหลืออีกหลายคดีที่ยังไม่สิ้นสุด ตำรวจรอผู้เสียหายที่เหลือมาขอคืนทรัพย์ที่เหลือต่อไป
ทั้งนี้ กลุ่มตัวแทนผู้เสียหายอยากให้ผู้เสียหายมาขอทรัพย์คืนเพราะยังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบเนื่องจากคดีนี้ไม่มีการประชาสัมพันธ์ที่ดีพอ หลังคดีผ่านมาเป็นเวลานาน 8 ปี