เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 16 ธ.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช เจ้าของฉายาสารวัตรแรมโบ้ ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย เข้ายื่นหนังสือร้อง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ขอให้คดี นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ “ตู้ห่าว” หรือ “หาว เจ๋อ ตู้” กับพวกคนจีนค้ายาเสพติดให้เป็นคดีพิเศษ โดยมี ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เป็นผู้แทนรับเรื่อง
พ.ต.อ.สุรโชค กล่าวว่า มูลนิธิฯ ทราบข่าวจากสื่อมวลชนว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว แต่มายื่นเรื่องขอให้กระทรวงยุติธรรมรับทำคดี “ตู้ห่าว” ทั้งหมดเพราะ กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีอำนาจการสอบสวนได้ทั่วราชอาณาจักร มีความเชี่ยวชาญในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยตรง อีกทั้งมี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) อยู่ในสายงานบังคับบัญชา สังกัดอยู่ในกระทรวงยุติธรรมเดียวกัน ทำให้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานมีความรวดเร็ว รัดกุมมากขึ้น เนื่องจากการทำงานของตำรวจมีความน่าเชื่อถือน้อยลงมาก อยากให้ตำรวจเคลียร์หน่วยงานตัวเองตัดเนื้อเสียทิ้งไป ฝากถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติและรัฐบาลเห็นว่าจะปฏิรูปตำรวจ 8 ปีที่แล้ว แต่ยังไม่มีความชัดเจน
พ.ต.อ.สุรโชค กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทราบว่ากระทรวงยุติธรรมดำเนินการรวดเร็วมาก ตามยึดอายัดทรัพย์แล้วกว่า 4,400 ล้านบาท ตนเชื่อว่าจะมีพยานบุคคลมั่นใจต่อการทำงานของกระทรวงยุติธรรมและเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก อย่างไรก็ตาม ตนชื่นชม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาปกป้องและทำหน้าที่พลเมืองดีของสังคมปราบทุนจีนสีเทาแต่คงไม่ได้มีการประสานงานกัน เพราะเขาทำไว้ดีอยู่แล้ว
“สมัยผมเป็นตำรวจอยู่ที่ จ.อำนาจ ใช้กฎหมายฟอกเงินยึดอายัดทรัพย์คนร้ายทันที อีกทั้ง ทางภาคเหนือมีการใช้เงินนายทุนจีนสวมบัตรประชาชนอย่างมาก หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่เกี่ยวข้องคงทำไม่ได้อย่างแน่นอน สุดท้าย ต้องกวาดล้างทุนจีนสีเทาต้องถูกยึดทรัพย์และออกไปจากประเทศไทยให้หมด”
ด้าน ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต ระบุว่า ขอบคุณประธานมูลนิธิฯ ที่หวังดีต่อประเทศชาติ เดินทางมายื่นพิจารณาตรวจสอบเอาผิดคดี “ตู้ห่าว” ข้อหาอื่นๆ ให้ครอบคลุมและสอบสวนเพิ่มเติม ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นว่ากระทรวงยุติธรรมจะทำงานเพื่อความยุติธรรม และเป็นที่พึ่งของประชาชนได้
