เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 4 ม.ค.66 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นาย กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ ฉายา “กัน จอมพลัง” พาผู้เสียหายกว่า 200 คน ถูกหลอกให้ลงทุนเก็งกำไรซื้อขายเงินดิจิตอลและเงินต่างประเทศ เดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.โดยมี ร.ต.อ.อาวุธ ทิพย์วงศา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอศ. เป็นผู้รับเรื่อง
“กัน จอมพลัง” เปิดเผยว่า วันนี้มาขอให้ บช.ก. ช่วยกรณีที่ถูกนาย กรวิชญ์ (สงวนนามสกุล) หรือ “โค้ชทรงเอ” หรือ “กอล์ฟ เอหิปัสสิโก” หรือ “กอล์ฟ Freedom Trader” ที่อ้างตัวเป็นโค้ชแนะนำการลงทุนแบบรวยเร็ว ผ่านเฟซบุ๊ก แถมยังแอบอ้างว่าเป็นลูกบุญธรรม รองนายกฯ ในรัฐบาลนี้ด้วย
โดย “โค้ชทรงเอ หรือ กอล์ฟ” อ้างว่าตนเองมีระบบบอทที่สามารถลงทุนในเงินสกุลดังกล่าวและการลงทุนรูปแบบอื่นๆ และสามารถหาเงินปันผลมาให้กับนักลงทุนได้ร้อยละ 0.7 % โดยสามารถถอนเงินปันผลออกมาได้ผ่านทางระบบ wallet ของทางบริษัทได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีการนำภาพขณะตนเองใช้ชีวิตหรูหรา รถยนต์หรูนับ 10 คัน และการซื้อทองคำแท่งและทองคำรูปพรรณน้ำหนักครั้งละกว่า 100 บาท อีกทั้งยังมีภาพถ่ายกับรองนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งในคณะรัฐบาล แอบอ้างว่าเป็นลูกบุญธรรมด้วย จนทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและมีผู้สนใจเข้าร่วมลงทุนจำนวนมากกว่า 200 คน ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 ซึ่งผู้เสียหายสามารถเบิกเงินปันผลออกมาได้ตามที่มีการโฆษณาไว้
กระทั่งเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เกิดการแห่ถอนเงินจำนวนมากจากระบบการลงทุนดังกล่าว จนเริ่มมีปัญหาไม่สามารถถอนเงินออกจากระบบได้ อีกทั้งยังมีการเปิดการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัลระบบใหม่ ผ่าน Arbitrage (อาบิทราจ) คือ กลยุทธ์ทำกำไรอย่างหนึ่ง นิยมใช้ในตลาดหุ้นหรือตลาดเงิน และมีผู้เข้าไปร่วมลงทุนอีกจำนวนมาก ต่อมาผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อนายกอล์ฟหรือทีมงานได้ จึงเชื่อว่าถูกหลอก จึงตัดสินใจรวมตัวกันมาแจ้งความในวันนี้ เพราะพบว่ามีการโยกย้ายทรัพย์สิน และรถหรูหลายคันของกอล์ฟไปให้กับบุคคลหนึ่ง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยตรวจสอบด้วย
ทั้งนี้ในระหว่างที่มีการแถลงยื่นเรื่องดังกล่าวได้มีผู้เสียหายปรากฏตัวขึ้นมาอีก 1 คนโดยอ้างว่าเขาคือคนที่ถูกกล่าวอ้างว่าให้การช่วยเหลือ “โค้ชทรงเอ หรือ กอล์ฟ” และแอบโยกย้ายทรัพย์สินบางส่วนของ “โค้ชทรงเอ หรือ กอล์ฟ” ไป จนเกิดมีปากเสียงโต้เถียงท้าทายกัน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลในกลูเกิ้ลฟอร์มเพื่อรวบรวมข้อมูลผู้เสียหายทั้งหมด รวมทั้งมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
