วันจันทร์, พฤษภาคม 6, 2024
หน้าแรกสืบเศรษฐกิจการเงินหยุดทำหมันคริปโตไทย! ก.ล.ต.ยกเลิกซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลขั้นต่ำ 5 พันบาท คนไทยแห่เรียนวิชาบล็อกเชนและบิทคอยน์

Related Posts

หยุดทำหมันคริปโตไทย! ก.ล.ต.ยกเลิกซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลขั้นต่ำ 5 พันบาท คนไทยแห่เรียนวิชาบล็อกเชนและบิทคอยน์

“….ดูเหมือนว่ากฎระเบียบดังกล่าวกำหนดเพื่อใช้กับกลุ่มผู้ที่ซื้อขายขั้นต่ำไม่ถึง 5,000 บาท ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมาก ซึ่งในเรื่องการกำหนดราคาซื้อขายขั้นต่ำนี้ เป็นเรื่องที่ ก.ล.ต.คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลต้องการให้ช่องทางนี้เป็นการออมรูปแบบหนึ่ง คนมีรายได้น้อยๆ อาจจะถูกปิดกั้นไปโดยปริยาย หากนักลงทุนไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะลงทุน 10 บาท 100 บาท หรือ 5,000 บาท มันก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะในที่สุดก็จะพยายามแสวงหาหนทางนำเงินมาลงทุนจนได้ เข้าตำรา “ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ” ดังนั้นการให้ความรู้คือสิ่งสำคัญที่ ก.ล.ต.ต้องทำ…”

เมื่อวันที่  26 ธันวาคม 2565  สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานว่า คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565 ได้มีมติเห็นชอบ ไม่กำหนดมูลค่าการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลขั้นต่ำ (minimum purchase) จำนวน 5,000 บาทต่อธุรกรรม ตามที่สำนักงานเสนอ หลังจากที่ได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้อง และประชาชนทั่วไป แต่ยังคงมีการกำหนดให้เปิดเผยคำเตือนความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี โดยมีข้อความตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. ประกาศกำหนด ซึ่งผู้ซื้อขายต้องให้ความยินยอม และรับทราบความเสี่ยงดังกล่าวก่อนใช้บริการ

สำหรับประเด็นดังกล่าว เคยมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากไม่ใช่เป็นการออกกฎมาเพื่อจัดการกับผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่ง เพราะดูเหมือนว่ากฎระเบียบดังกล่าวกำหนดเพื่อใช้กับกลุ่มผู้ที่ซื้อขายขั้นต่ำไม่ถึง 5,000 บาท ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่มีรายได้ไม่สูงมาก ซึ่งในเรื่องการกำหนดราคาซื้อขายขั้นต่ำนี้ เป็นเรื่องที่ ก.ล.ต.คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากกฎหมายสินทรัพย์ดิจิทัลต้องการให้ช่องทางนี้เป็นการออมรูปแบบหนึ่ง จึงไม่ระบุราคาซื้อขายขั้นต่ำ และเมืองไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ประชากรมีอายุยืนยาวขึ้น มีลูกหลานน้อยลง งบประมาณเบี้ยยังชีพวัยชรารัฐบาลก็มีจำกัด เมื่อการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลกำหนดราคาซื้อขายเริ่มต้นเทียบเท่าตลาดหลักทรัพย์ จึงไม่แน่ใจว่าจะเป็นการแปรเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการลงทุนระยะยาว เป็นการลงทุนในรูปแบบการออมเงิน เปลี่ยนแปลงไปหรือเปล่า โดยเฉพาะคนมีรายได้น้อยๆ อาจจะถูกปิดกั้นไปโดยปริยาย

ในขณะที่มุมมองของผู้เห็นต่างได้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ในเชิงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีการบังคับใช้หลักการซื้อคริปโตขั้นต่ำ 5,000 บาท อาทิ

● กระทบสิทธิในการใช้บริการของผู้ซื้อขายที่มีกำลังซื้อน้อยกว่า 5,000 บาท ต่อธุรกรรม ซึ่งคิดเป็นประมาณ 46% ของจำนวนผู้ซื้อขายทั้งหมด จากข้อมูลระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2563 ถึงวันที่ 17 กรกฎาคม 2565

● ทำให้เกิดผลขาดทุนมากกว่าจำนวนที่ผู้ซื้อขายประสงค์จะลงทุน เนื่องจากต้องลงทุนขั้นต่ำที่ 5,000 บาทต่อธุรกรรม หรืออาจต้องเสียค่าธรรมเนียมสูงขึ้นเพื่อให้ได้มูลค่าสินทรัพย์ฯ ตามที่ต้องการ

● ผู้ที่ต้องการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในการทำธุรกรรมจะทำได้ยากขึ้น

● กระดานซื้อขายจะไม่เกิดสภาพคล่อง เนื่องจากคำสั่งซื้อและขายขนาดเล็กที่สุดจะต้องมีมูลค่าขั้นต่ำที่ 5,000 บาท โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีขนาดเล็กหรือมีความเสี่ยงที่สูง ซึ่งหากตั้งสมมติฐานว่าจะลงทุนในเหรียญขนาดเล็กและเสี่ยงสูงเพียง 1% ของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ลงทุนทั้งหมด (Portfolio) โดยลงทุนที่ขั้นต่ำ 5,000 บาท จะต้องมี Portfolio รวมมากถึง 500,000 บาท และผู้ที่มีความพร้อมที่จะซื้อขายสินทรัพย์ฯ ระดับนี้ในประเทศไทยมีอยู่ไม่มาก

● การแข่งขันของผู้ประกอบการในด้านปริมาณการซื้อขายจะเข้มข้นขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องที่ลดลงทำให้กระดานซื้อขายที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำจะยิ่งต่ำลงไปอีก จากการที่ไม่มีคำสั่งซื้อขนาดเล็ก

● การเริ่มต้นซื้อขายขั้นต่ำ 5,000 บาท ทำให้ผู้ลงทุนไม่สามาถกระจายสมัครหลายๆ ผู้ให้บริการได้ เนื่องจากต้องรวมเงินให้ครบกำหนดขั้นต่ำ จึงมีแนวโน้มที่จะเลือกผู้ให้บริการเพียงรายเดียวซึ่งมักจะเป็นผู้ให้บริการที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดในเวลานั้น ส่งผลให้เกิดผู้ให้บริการที่ชนะเพียงรายเดียวในที่สุด (Winner takes all)

● แนวทางกำหนดขั้นต่ำขัดกับวินัยการลงทุนที่ดี ที่มักจะเป็นการถัวเฉลี่ยลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่สม่ำเสมอ (DCA) เช่น แบ่งการลงทุน 10 สินทรัพย์และซื้อเพิ่มทุกเดือน แต่หากเป็นเกณฑ์ใหม่จะต้องมีเงินลงทุนเดือนละ 50,000 บาท จึงจะสามารถทำเช่นเดิมได้

● เมื่อเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นไทยที่จำกัดให้การซื้อหุ้นต้องซื้ออย่างน้อย 100 หุ้น (lot size) ซึ่งตลาดหุ้นไทยที่มีหุ้นกว่า 800 ตัว จะมีหุ้นกว่า 700 ตัว ที่มีราคาต่ำกว่า 50 บาท ทำให้สามารถสรุปได้ว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะทำให้การลงทุนในหุ้นไทยทำได้ง่ายกว่าในสินทรัพย์ดิจิทัล

● อาจทำให้เกิดคู่ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่ใช่เงินบาท เพื่อให้สามารถกำหนดธุรกรรมที่มูลค่าเทียบเท่าต่ำกว่า 5,000 บาทได้ เนื่องจากการพิจารณามูลค่า จะพิจารณาจากการซื้อด้วยเงินบาทเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และไม่รวมถึงการแลกเปลี่ยนกันระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัล

● ผู้ซื้อขายจะเปลี่ยนไปใช้บริการกับผู้ให้บริการในต่างประเทศแทน เนื่องจากกระดานซื้อขายต่างประเทศไม่มีเกณฑ์ดังกล่าว

เพราะฉะนั้น แทนที่ ก.ล.ต. จะกำหนดการซื้อขายขั้นต่ำ ควรเดินสายให้ความรู้การลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะสิ่งสำคัญนอกเหนือจากกฎระเบียบคือ “การสร้างภูมิคุ้มกัน” การสร้างความเข้าใจเรื่องการลงทุนคือสิ่งสำคัญที่สุด หากนักลงทุนไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะลงทุน 10 บาท 100 บาท หรือ 5,000 บาท มันก็ไม่ใช่ประเด็น เพราะในที่สุดก็จะพยายามแสวงหาหนทางนำเงินมาลงทุนจนได้ เข้าตำรา “ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ”

การให้ความรู้ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ การลงทุนประเภทอื่นๆ สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การสร้างความตระหนักรู้” อาจต้องบรรจุไว้ในหลักสูตรการศึกษาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตตั้งแต่ระดับมัธยม เพื่อให้เยาวชนมีวัคซีนการลงทุน มีความเข้าใจ มีความตระหนัก และลงทุนในรูปแบบที่เหมาะสมกับตัวเอง มีเงินเก็บหรือช่องทางการลงทุนยามเกษียณ มิเช่นนั้นอาจกลายเป็นการ “เผาตลาด” เพื่อฆ่าหนูตัวเดียว

เมื่อ คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบไม่กำหนดมูลค่าการซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลขั้นต่ำ (minimum purchase) จำนวน 5,000 บาทต่อธุรกรรม จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการเปิดโอกาสลงทุนในสินทรัพย์รูปแบบใหม่ๆ ที่เป็นเทรนด์แห่งอนาคต

โดยเมื่อปี 2564 ได้มีการเปิดเผยผลสำรวจพบว่า กลุ่มคนหนุ่มสาวอายุ 18-29 ปี เป็นกลุ่มที่สนใจลงทุนในบิทคอยน์มากที่สุดถึง 72 % แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องเงินลงทุน คนอายุน้อยสนใจลงทุนบิทคอยน์ ก็เพราะเปิดพอร์ตลงทุนหุ้นไม่ได้ และเงินลงทุนในบิทคอยน์ต่อครั้งก็ไม่มากเท่ากับการซื้อหุ้น การเทรดบิทคอยน์จึงเป็นอีกตัวเลือกที่เหมาะกับวัยรุ่นงบน้อย สามารถซื้อเป็นจุดทศนิยมได้ โดยซื้อผ่าน Exchange หรือผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนบิทคอยน์หรือสกุลเงินดิจิทัลตัวอื่นๆ เป็นสกุลเงิน Fiat Currency หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินดิจิทัลด้วยกันเอง โดยอาจมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการเล็กน้อย อย่างไรก็ดี แม้จะเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวอายุ 18 – 20 ปี ลงทุนได้ แต่ต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้ปกครองกำกับด้วย พร้อมแนะนำให้เลือกสถาบันที่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. เพื่อความมั่นใจในการลงทุน

ปัจจุบันความสนใจของคนไทยต่อกระแสสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะการลงทุนในบิทคอยน์ดูจะมีความตื่นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเร็วๆ นี้ รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล ได้เปิดเผยความสำเร็จของโครงการมหาวิทยาลัยไซเบอร์ไทย เพื่อการจัดการเรียนการสอนในระบบเปิด  (Thailand Massive Open Online Course Platform: Thai MOOC) อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งเป็นเสมือนขุมทรัพย์ทางปัญญาเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับคนไทยทุกคน โดยสามารถเข้าเรียนได้ไม่มีเงื่อนไข เลือกเรียนในเวลาที่สะดวก ไม่มีค่าลงทะเบียน เรียนจบสอบผ่านได้ประกาศนียบัตร และที่สำคัญผู้เรียนสามารถเก็บประวัติการเรียนและสะสมผลการเรียน เพื่อเทียบโอนวุฒิการศึกษาได้ด้วย มีมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ร่วมสร้างรายวิชา 104 แห่ง ปัจจุบันมีรายวิชาทั้งหมด  589 รายวิชา สำหรับรายวิชาเด่นที่มีผู้เรียนมากสุด คือ ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (178,180 คน) จิตวิทยาข้ามวัฒนธรรมในที่ทำงาน (68, 715 คน) ภาษาอังกฤษพื้นฐาน (61,911 คน) จิตวิทยากับชีวิตประจำวัน (60,696 คน) ภาษาเกาหลี 1-2  (57, 540 คน) ที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ วิชาเทคโนโลยีบล็อกเชนและบิทคอยน์ มีผู้สนใจลงทะเบียนสูงถึง 55,094 คน

ขณะที่ สำนักงาน ก.ล.ต. ก็ประกาศเปิดตัวหลักสูตรเรียนรู้ออนไลน์ e-learning “ก.ล.ต. Crypto Academy” แหล่งความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลให้แก่ประชาชนและผู้สนใจ ได้รู้ลึก ลดเสี่ยง เรียนสนุก ในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล ประกอบด้วย 4 คอร์สหลัก ได้แก่

(1) บทเริ่มต้นสำหรับมือใหม่ ปูความรู้พื้นฐาน และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับโลกสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม

(2) องค์ประกอบและเทคโนโลยีพื้นฐานของสินทรัพย์ดิจิทัล เรียนรู้ความเป็นมาและกลไกที่มีความสำคัญต่อระบบบล็อกเชน

(3) อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เล่าถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีตและจุดเปลี่ยนสำคัญในโลกสินทรัพย์ดิจิทัล โทเคนดิจิทัล NFT Metaverse และมุมมองต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต

และ (4) ทัศนคติและกลยุทธ์ในการลงทุน เสริมสร้างกรอบความคิดและทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง และแนะนำการใช้เครื่องมือพื้นฐานในการวิเคราะห์กราฟ รวมทั้งจบหลักสูตรด้วยแบบทดสอบความรู้ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Quotient หรือ CQ) เพื่อสำรวจตนเองว่ามีความพร้อมในการก้าวเข้าสู่โลกสินทรัพย์ดิจิทัลมากน้อยเพียงใด

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ผู้ประกอบการสินทรัพย์ดิจิทัลร้องขอก็คือการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ไม่อยากให้มีการเลือกปฏิบัติ

เพราะในช่วงที่ผ่านมา มีหลายประเด็นที่ ก.ล.ต. ถูกมองว่าปฏิบัติแบบ “เลือกที่รัก มักที่ชัง” เหมือนกับการทำหมันเอกชนไทย แต่ไม่เคยมีมาตรการชัดเจนที่ไปจัดการกับ Exchange นอกที่ไม่อยู่ภายใต้กำกับของ ก.ล.ต. ทำให้ exchange ต่างชาติได้เปรียบ ไม่ต้องเล่นตามกฎ แถมยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ exchange ไทยไม่สามารถมีได้

ก็ฝากเป็นการบ้านให้ ก.ล.ต. พิจารณามุมมองเหล่านี้ เพื่อสร้างสรรค์ตลาดคริปโตไทยก้าวสู่ยุคทองอย่างแท้จริง

#สืบจากข่าว : รายงาน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts