สั่งย้าย! ร.ต.อ.กร่าง
SMS ข่มขู่อัยการ
ผบก.จับได้แต่ไม่ยอมรับ พบ “มีอาการซึมเศร้า”
เปิดบันทึก “อัยการ” ร้อง อสส. ถูกส่งข้อความข่มขู่ ปมทำคดีผิด พ.ร.บ.คอมพ์ แล้วสั่ง “ร.ต.อ.” พนักงานสอบสวนโรงพักท่ายาง แจ้งข้อหาเพิ่ม แต่อีกฝ่ายไม่พอใจ จนเกิดข้อความปริศนาสร้างความหวาดกลัว นัดเคลียร์ต่อหน้าแล้วปัญหาไม่จบ วอนขอกำลังคุ้มครองด่วน!
จากกรณีที่อัยการในจังหวัดเพชรบุรีท่านหนึ่ง ทำบันทึกข้อความถึงอัยการจังหวัดเพชรบุรี อธิบดีอัยการภาค 7 ถึงอัยการสูงสุด ใจความสรุปได้ว่า เมื่อวันที่ 4 ก.พ. สำนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี ได้รับสำนวนการสอบสวนจากพนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง คดีความผิดฐาน ลักทรัพย์ ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ มีผู้ต้องหาเป็นหญิง 1 ราย โดยมี นายตำรวจยศ ร.ต.อ. ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบ ลงรับเป็นสำนวน ซึ่งจะครบกำหนดฝากขังผู้ต้องหาครั้งที่ 4 (ครั้งสุดท้าย) ในวันที่ 14 ก.พ. ต่อมาวันที่ 7 ก.พ. ตนในฐานะอัยการจังหวัดเพชรบุรี พบว่า พยานหลักฐานในสำนวนยังไม่เรียบร้อยขาดเอกสารสำคัญในสำนวนหลายประเภท หลายฉบับอันเป็นเอกสารสำคัญต่อการพิจารณาข้อเท็จจริงแห่งคดี ประกอบกับใกล้จะครบกำหนดระยะเวลาฝากขังผู้ต้องหาครั้งสุดท้ายแล้ว ด้านอัยการจึงเห็นว่าหากประสานงานทางโทรศัพท์กับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ เพื่อแจ้งข้อบกพร่องที่ประสงค์จะทำการสอบสวนเพิ่มเติมไปก่อนที่จะออกหนังสือสั่งการ จะทำให้พนักงานสอบสวนทำงานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น และสามารถสั่งสำนวนได้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนดเวลาฝากขังผู้ต้องหา
แต่เมื่อตนได้โทรฯ หาพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. กลับมีน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ แต่รับปากว่าจะหาหลักฐานเพิ่ม ต่อมาพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. ได้มอบหมายให้ นายตำรวจส่งสำนวน นำเอกสารดังกล่าวมามอบให้ ตนจึงได้โทรศัพท์ถึงพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. อีกครั้งหนึ่ง เพื่อแจ้งว่าต้องทำการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาเพิ่มเติมในฐานความผิด “เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์และข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนด้วย” แต่พนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. กลับมีน้ำเสียงไม่พอใจและกล่าวว่า “ทำไมต้องแจ้งเพิ่ม ก็มันมีข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ท่านดูโทษหรือยังว่าโทษมันหนักกว่า เคยปรึกษาท่านผู้กำกับ บอกว่าไม่ต้องแจ้ง” และอ้างว่าอยู่ระหว่างอบรมทำให้ไม่มีเวลา แต่ทางตนยืนยันว่าจะทำหนังสือไป ทำให้พนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. มีน้ำเสียงไม่พอใจและกล่าวว่า “อยากจะสั่งอะไรก็สั่งมา สั่งมา สั่งมาเลย ผมจะได้รู้ด้วยว่าคุณเป็นใครชื่ออะไร” แล้วตัดสายโทรศัพท์ทันที
ต่อมาวันที่ 8 ก.พ. ตนพบว่า มีโทรศัพท์หมายเลขหนึ่งได้ส่งข้อความมาลักษณะเป็นข้อความข่มขู่ดังนี้
- เมื่อเวลา 16.22 น. ความว่า “เป็นอะไรมากป่าว อยากโชว์กันหรอ มาทำลูกพี่ก่อนนะ เดินทางปลอดภัยนะ เดี๋ยวอาจจะได้เจอกัน” และก็มีการส่งข้อความมาอีกติดๆ กัน
- เวลา 16.32 น. ความว่า “ทำอะไร ทำดีๆ นะ คิดให้ดี ขอโทษ ยังทัน”
- เวลา 16.32 น. ความว่า “ชอบจัง คนที่อื่น ผ่านมาท่ายาง ถ้าดูแลรักษาตัวให้ดี เช็กเบสแป๊บ ถ้าผ่านมา”
- และเวลา 16.32 น. ความว่า “คุณมีกัน เรามีนอกเกม นะจ้ะ อยากๆๆๆ อยากเจอโว้ยยย”
ต่อมาเวลา 17.25 น. ได้มีโทรศัพท์โทรฯ เข้ามายังโทรศัพท์ของตน ซึ่งเป็นหมายเลขเดียวกับที่ส่งข้อความดังกล่าวมาหาก่อนหน้า แต่ไม่ได้รับสาย หลังจากนั้น ตนได้ทำการตรวจสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับหมายเลขโทรศัพท์ดังกล่าวด้วยตนเอง พบว่ามีความเชื่อมโยงกับพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. ที่รับผิดชอบทำสำนวนคดีดังกล่าว ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นช่วงเวลาต่อเนื่องภายหลังจากที่พนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. แสดงอาการไม่พอใจตนทางโทรศัพท์ และเข้าใจว่าบุคคลทั่วไปไม่น่าจะทราบหมายเลขโทรศัพท์ของพนักงานอัยการได้ ประกอบกับข้อความในเชิงข่มขู่ ดูหมิ่น เหยียดหยาม ดังกล่าว มีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับพฤติการณ์ของเรื่อง และพฤติกรรมของพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. อย่างมีนัยสำคัญ
วันที่ 9 ก.พ. เวลาประมาณ 10.00 น. ตนได้เข้าพบอัยการจังหวัดเพชรบุรี เพื่อรายงานเรื่องดังกล่าวให้ทราบ อัยการจังหวัดเพชรบุรี จึงได้ประสานงานติดต่อทางโทรศัพท์กับ ผกก.สภ.ท่ายาง ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น. ผกก.สภ.ท่ายาง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง และ พนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. คนดังกล่าว ได้เดินทางเข้าพบอัยการจังหวัดเพชรบุรี ตนได้เข้าร่วมเจรจาพูดคุยดังกล่าวด้วย ซึ่งพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. คนดังกล่าว ได้ให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นผู้ส่งข้อความเข้ามาที่หมายเลขโทรศัพท์ของตน และมีท่าทีแข็งกร้าว ไม่ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชาตนเอง ไม่ให้ความเคารพอัยการจังหวัดเพชรบุรี
อย่างไรก็ตาม ผกก.สภ.ท่ายาง และหัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง ได้ยืนยันว่า หมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งเป็นหมายเลขที่ส่งข้อความดูหมิ่น เหยียดหยาม และแสดงความอาฆาตมาดร้าย ทั้งยังโทรศัพท์เข้ามาหาตนภายหลังจากที่ส่งข้อความสุดท้ายมา ดังกล่าวแล้วเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. ผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองจริง
ต่อมาวันที่ 10 ก.พ. จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ การที่มีบุคคลส่งข้อความดังกล่าวถึงตนในฐานะพนักงานอัยการ ย่อมเป็นการดูหมิ่น เหยียดหยาม ตนในฐานะพนักงานอัยการซึ่งเป็นข้าราชการระดับสูงอย่างร้ายแรง และยังเป็นการข่มขู่ให้เกิดความกลัว หวาดระแวง ทั้งที่ ตนได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดด้วยความสุจริตอย่างยิ่งยวดมาโดยตลอด ทั้งนี้ หากสามารถตรวจสอบยืนยันได้ว่า หมายเลขโทรศัพท์เป็นหมายเลขโทรศัพท์ของพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. คนดังกล่าว รวมถึงเป็นผู้ส่งข้อความดังกล่าวมาหาตนจริง ย่อมเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่พฤติกรรมของพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. ดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดี และการประสานงานระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุดอย่างร้ายแรงและก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยของพนักงานอัยการในการปฏิบัติหน้าที่อย่างร้ายแรงที่สุด
เนื่องจากพนักงานสอบสวนยศ ร.ต.อ. เป็นเจ้าพนักงานที่สามารถพกพาอาวุธปืนได้ ทำให้ตนมีความหวาดระแวง และความเครียดอย่างสูงในการใช้ชีวิตประจำวัน อันจะส่งผลถึงประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย จึงขอให้มีการกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่ตน และพนักงานอัยการทั่วราชอาณาจักร ให้ความคุ้มครองตนตามสมควรอย่างเร่งด่วนต่อไป
ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวในกระบวนการยุติธรรม เป็นขั้นตอนปกติที่พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการแล้วจะมีการพิจารณาสั่งสอบสวนเพิ่มเติม หรือสั่งฟ้องได้ตามพยานหลักฐาน แต่พฤติกรรมของ ร.ต.อ. คนดังกล่าว ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานไม่เหมาะสม ซึ่งทางตำรวจ บก.ภ.จว.เพชรบุรี ตำรวจภูธรภาค 7 รวมถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องออกมาดำเนินการทุกอย่างให้ชัดเจน โปร่งใส และตอบปัญหาระหว่างอัยการกับตำรวจด้วย
“ผู้การเพชรบุรี” เซ็นคำสั่งย้ายด่วนพนักงานสอบสวนคู่กรณีอัยการ ไปช่วยราชการกลุ่มงานสอบสวน พบมีอาการซึมเศร้า เร่งให้เข้าพบแพทย์รักษาหวั่นอันตราย
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.พ. พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ให้สัมภาษณ์ว่า หลังทราบเรื่อง ได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ก่อนเซ็นคำสั่งให้พนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี นายดังกล่าว ไปช่วยราชการในกลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรีในวันนี้
เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่า พนักงานสอบสวน สภ.ท่ายาง รายดังกล่าว มีอาการเป็นโรคซึมเศร้า หลังจากนี้ จะให้พนักงานสอบสวนรายดังกล่าวเข้าพบแพทย์โดยด่วน