เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ พร้อมคณะ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป.กรณีให้ตรวจสอบกรณีโครงการจัดทำป้ายชื่อสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวนกว่า 33 ล้านบาท
เต้ มงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนนัดมาให้เขียนคำให้การเพิ่มเติม เกี่ยวกับป้ายสถานีกลางบางซือเป็น สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ที่คนมายื่นร้องดำเนินคดีกับท่านผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยและคณะที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้าง ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11 เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใด หรือผู้ได้รับมอบหมาย จากหน่วยงานของรัฐผู้ใด โดยทุจริตทำการออกแบบ กำหนดราคา กำหนดเงื่อนไข หรือกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน อันเป็นมาตรฐานในการเสนอราคาโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคารายใดได้มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกันผู้เสนอราคารายใดมิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือไม่
ซึ่งอำนาจการสืบสวนสอบสวนจะเริ่มนับแต่วันนี้ ตนได้แจ้งพนักงานสอบสวนไปแล้วว่าก่อนครบกำหนด 30 วันที่จะต้องส่งให้ ป.ป.ช.จะต้องขอรายละเอียดในการจัดซื้อจัดจ้างของการรถไฟฯ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น คำสั่งในการวินิจฉัยให้ใช้วิธิเฉพาะเจาะจง ว่ามีใครวินิจฉัยให้ใช้แบบ 2(4) บ้าง อันอาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่ อย่างไร และต้องดูว่าคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง / ตรวจรับมีใครบ้าง ซึ่งตรวจรับน่าจะยังไม่มีเพราะได้ยกเลิกชะลอไปก่อนแล้ว ซึ่งทางการรถไฟฯ ได้ออกมายืนยันว่าทำถูกต้อง ซึ่งเรื่องนี้ตนเข้าใจเพราะตัวเองทำเองก็จะต้องบอกว่าทำถูกแล้ว จะไปบอกว่าตัวเิงผิดได้อย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ที่บอกว่าตัวเองถูกนั้นส่วนใหญ่มักจะติดคุก เรื่องนี้ก็ว่ากันไปตามเกม รอดูพนักงานสอบสวน บก.ปปป.จะได้เอกสารจากการรถไฟฯ ภายใน 30 วันหรือไม่ จากนั้นก็ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ไต่สวนเองหรืออาจตะส่งกลับมาให้ พงส.บก.ปปป.สอบสวนเพิ่มเติมก็ได้
การที่เรามายื่นร้องที่ บก.ปปป.เพราะพนักงานสอบสวนจะต้องรับคดี ถ้าไปยื่น ป.ป.ช.เลยอาจจะไม่รับก็ได้ ส่วนจะถูกหรือผิดก็ว่ากันไป ไม่ว่าจะเรื่องราคากลางตัวอักษร ค่ารื้อถอน ค่าติดตั้งใหม่ รวมแล้วมันจะถึง 33 ล้านบาทหรือไม่
ตนถามจากเพื่อนที่เป็นผู้รับเหมา ตัวอักษรนี้เขาประเมินไว้ที่ 4 ล้านบาท ค่าติดตั้งและถอดถอนอีกประมาณ 8 ล้านบาท รวมแวตแล้วไม่เกิน 15 ล้านบาท ซึ่งราคานี้เขามีกำไรอยู่แล้ว 15% ส่วนการรถไฟฯ จ้างในราคา 33 ล้านไม่รู้ว่าเป็นค่าอะไรบ้าง การใช้เจ้าเดิมทำแบบนี้ตนมองแล้วเอากำไรเยอะเกินไป แค่ครึ่งเดียว 15 ล้านบาทก็มีกำไรแล้ว ไม่รู้จะเอาอะไรกันนักหนา เงินที่เหลือเอาไปทำอะไรอื่นได้อีกเยอะแยะ
เรื่องนี้มีคนได้ประโยชน์อยู่แล้ว ก็ไม่เป็นไร นักโทษในเรือนจำลดลงไปแสนสามหมื่นคน ก็จะได้คนใหม่เพิ่มเข้าไปแทน