เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์นำคณะที่ปรึกษากรมราชทัณฑ์ ด้านการฝึกวิชาชีพการอาหาร เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานการฝึกวิชาชีพการประกอบอาหาร ซึ่งเป็นสถานที่ฝึกทักษะอาชีพด้านการทำขนม การทำอาหารของครัวชวนชม เป็นร้านอาหารของทัณฑสถานหญิงกลางที่มีชื่อเสียง เปิดให้บริการจำหน่ายมากว่า 30 ปี เพื่อให้มีการยกระดับและพัฒนาด้านรสชาติ คุณภาพของอาหาร โดยนางสาวโศรยา ฤทธิอร่าม ผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ให้การต้อนรับ
นายอายุตม์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ได้แต่งตั้งคณะที่ปรึกษากรมราชทัณฑ์ ด้านการฝึกวิชาชีพการอาหารขึ้น โดยได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการประกอบอาหาร อาทิเช่น คุณธิติฏฐ์ ทัศนาขจร, คุณเพ็ญณี จิรายุวัฒนา, คุณอรุณี ภู่สกุล, คุณสรธัช เทศะภู, คุณพล ตัณฑเสถียร และคุณสุรศักดิ์ เจริญสุข ซึ่งเป็นเชฟที่มีชื่อเสียง และเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง มาร่วมเป็นคณะที่ปรึกษาด้านการฝึกวิชาชีพการอาหาร เพื่อให้คำปรึกษา แนะแนวทางให้ความรู้พัฒนารูปแบบ ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอาหารและการประกอบอาหารให้แก่ผู้ต้องขังและเจ้าหน้าที่ ให้สามารถยกระดับทักษะวิชาชีพด้านการอาหารให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และให้ผู้ต้องขังสามารถได้นำไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก ซึ่งในวันนี้ กรมราชทัณฑ์ได้นำคณะที่ปรึกษาดังกล่าว เข้าเยี่ยมชมและศึกษาดูงานด้านการอาหาร การประกอบอาหารทั้งคาว หวาน และเครื่องดื่มภายในทัณฑสถานหญิงกลาง นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือจากบริษัทการบินไทย จำกัด(มหาชน) เข้าจัดกิจกรรมโครงการ “ครัวการบินไทยให้อาชีพ” โดยได้นำหลักสูตรอาหารไทยและขนมไทยเข้ามาฝึกสอนให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อยกระดับทักษะวิชาชีพด้านอาหาร ส่งเสริมศักยภาพการฝึกวิชาชีพด้านอาหารให้มีทักษะที่สูงขึ้น เพื่อสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ตลอดจนสามารถนำไปประกอบอาชีพสุจริตได้หลังจากพ้นโทษได้เป็นอย่างดี
นายอายุตม์ กล่าวต่อปัจจุบันทัณฑสถานหญิงกลาง มีผู้ต้องขังเข้ารับการฝึกวิชาชีพโภชนาการ จำนวน 120 คน สามารถผลิตอาหารไทยคาว-หวาน ของว่าง เบเกอรี่ รวมถึง
เครื่องดื่มน้ำสมุนไพรต่างๆ เพื่อนำออกไปจำหน่ายให้กับประชาชนภายนอกทุกวันที่ร้านอาหารชวนชมถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร โดยกรมราชทัณฑ์ขอขอบคุณหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมในการฝึกวิชาชีพด้านการอาหาร และร่วมสนับสนุนให้ผู้ก้าวพลาดสามารถนำทักษะด้านการอาหารดังกล่าว ไปประกอบอาชีพภายหลังพ้นโทษได้ โดยไม่หวนกลับไปกระทำผิดซ้ำอีก