กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุปผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย, พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำรอง
ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.สุขสิทธิ์ ประเสริฐ สว.กก.5 บก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 3 กองกำกับการ 5 กองบังคับการปราบปราม
ร่วมกันจับกุม นายปิยวุฒิ (สงวนนามสกุล) อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดชัยบาดาล ที่ 7/2566 ลงวันที่ 6 ก.พ. 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ฯลฯ” และหมายจับของศาลจังหวัดนครราชสีมา ที่ 449/2565 ลงวันที่ 30 พ.ย. 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินคิดดอกเบี้ยเกินอัตรา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ฯลฯ”
สถานที่จับกุม บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ตำบลเขาน้อย อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ผู้เสียหายได้ประสบปัญหาทางการเงินเนื่องจากสถานการณ์โควิดและได้พบว่ามีเพจเฟซบุ๊กโพสรับจำนำรถยนต์ ผู้เสียหายจึงได้ติดต่อเพจดังกล่าว
ทางแอดมินได้แจ้งว่าหากต้องการจำนำรถยนต์กับทางเพจดังกล่าว ทางเพจจะคิดดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน โดยมีค่าจอดรถยนต์ 2,000 บาท และค่านายหน้า 3,000 บาท หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายจึงนำรถยนต์ไปส่งมอบให้กับผู้ต้องหาที่ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี จากนั้นช่วงเดือนมกราคม 2566 ผู้เสียหายต้องการไถ่ถอนรถยนต์คืน จึงติดต่อไปยังเพจดังกล่าว ทางเพจแจ้งว่าให้ติดต่อกับผู้ต้องหา เมื่อติดต่อไปยังผู้ต้องหา ผู้ต้องหาได้บ่ายเบี่ยงและไม่สามารถติดต่อได้ในที่สุด ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความ
กับพนักงานสอบสวน สภ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี เพื่อดำเนินคดีกับผู้ต้องหาตามกฎหมาย
ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 10.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหายอีกรายที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้นำรถยนต์ไปจำนำกับทางเพจดังกล่าว โดยมีผู้ต้องหาเป็นนายหน้า
ผู้เสียหายได้นัดไถ่ถอนกันที่บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้เสียหายเกรงว่าจะถูกเชิดเงิน ผู้เสียหายจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหาได้เดินทางมาพบผู้เสียหายและแจ้งว่า ให้ส่งมอบเงินให้ก่อนเพื่อนำเงินไปไถ่ถอนรถยนต์จากนายทุนแล้วจะนำรถยนต์ของผู้เสียหายมาส่งมอบคืนให้ โดยให้ผู้เสียหายรอที่ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าแสดงตัวและขอตรวจสอบ พบว่าผู้ต้องหามีหมายจับติดตัวในคดีฉ้อโกง 2 คดี
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวและนำส่งพนักงานสอบสวนตามหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การยอมรับว่าเป็นนายหน้ารับจำนำรถยนต์จริง โดยมีนายทุนออกเงินให้ ผู้ต้องหามีหน้าที่มารับรถยนต์ไปส่งให้นายทุน โดยรถยนต์ส่วนใหญ่เมื่อนายทุนรับจำนำแล้ว จะถูกขายทันทีเพื่อทำกำไรและที่ผู้ต้องหานัดผู้เสียหายมา เพื่อหลอกเอาเงินที่ผู้เสียหายนำมาไถ่ถอนเพราะรถยนต์ของผู้เสียหายถูกขายไปแล้ว