เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายชลิตพิพัฒน์ สิงห์เรือง หรือ น้าเดช อายุ 60 ปี กูรูสอนธุรกิจ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง ณัฐชยา วงศ์รุจิไพโรจน์ รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอทเพื่อให้ปากคำในคดีที่ถูกคนร้ายนำรูปไปสร้างเฟซบุ๊กปลอม แล้วนำเอาไปใช้คุกคามทางเพศบรรดานักร้องนักแสดงด้วยการติดต่อขอเลี้ยงดูเป็นเมียเก็บบ้าง เสนอราคาซื้อ กกน./ยกทรง/ขนเพชรบ้าง ต่อเนื่องกันมานานกว่า 7 ปี
น้าเดช เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อแจ้งความกับตำรวจ ปอท.กล่าวโทษเพิ่มเติมจากการที่โดนปลอมเฟซบุ๊กมานาน 7 ปีแล้ว
คดีนี้คนร้ายได้นำรูปภาพตนไปสร้างโปรไฟล์เฟซบุ๊ก เขียนชื่อให้คล้ายๆ ชื่อตน ก่อนเอาไปโทร.คุยบ้าง แชตสนทนาบ้างกับดารานักแสดงหญิงสาวหลายคน ทำนองขอเลี้ยงดู ขอหลับนอนบ้าง ขอซื้อชุดชั้นใน ขนเพชรบ้าง จนมีผู้หญิงหลายรายเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก
ตลอด 7 ปีที่ผ่านมาตนได้พยายามติดต่อสื่อสารออกไป ขอร้องคนร้ายว่าอย่าทำเรื่องราวแบบนี้เลยเพราะมีคนที่เป็นผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แต่คนร้ายที่ปลอมเฟซบุ๊กแอบอ้างเป็นตนก็ไม่ยอมหยุด ทำมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน มีคนมีชื่อเสียงดังๆ ตลอดจนดารานักแสดงหญิงที่ถูกคุกคามไม่ต่ำกว่า 20 คนที่ได้รับความเสียหาย
มีการแจ้งความทั้ง สน.ต่างๆ ตลอดจน บก.ปอท.แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คนร้ายเขาคุยว่าเขาเก่งมาก แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้เมื่อสามเดือนก่อน
วันนี้ตนได้รับแจ้งจากตำรวจว่า ได้ตรวจสอบพบว่าคนร้ายรายนี้มีการปลอมอินสตราแกมเป็นตนอีกบัญชีหนึ่งด้วย ตนไม่เคยเปิด ไอจี.เพิ่มมาทราบเรื่องวันนี้ ทำให้คนเข้าใจผิดและเกลียดชังตนเพราะใช้รูปภาพตนมาทำโปรไฟล์แม้จะเขียนชื่อคล้ายๆ ชื่อตนก็ตาม วันนี้จึงต้องมาแจ้งความเอาผิดเพิ่มเติมคนร้ายรายนี้
หลังตำรวจจับตัวคนร้ายได้ตนก็ยังไม่มีโอกาสพบหรือได้พูดคุยอะไรคนร้ายแต่เชื่อว่าน่าจะได้เจอในศาลแน่นอน
ถึงวันนี้ก็ไม่ได้แค้นเคืองอะไร อโหสิกรรมให้เขาแล้ว ตนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรถึงกระทำแบบนี้ แต่ที่แน่ๆ คือเขาทำให้คนในครอบครัวได้รับความเดือดร้อนไปหมด
ส่วนผู้หญิงหลายคนที่ถูกเขาแชตไปคุกคามทางเพศได้รับความเดือดร้อนหลายคนไม่รู้ คิดว่าเป็นเราก็มาด่าตน ทำให้คนเข้าใจผิดถูกสังคมเกลียดชัง
ช่วง 2-3 ปีผ่านมาตนได้ย้ายไปพักอยู่แถวอีสาน ก็มีผู้เสียหายที่ถูกคุกคาม เด้งขึ้นมาในเฟซฯ ตนก็ต้องไปแจ้งความตำรวจในท้องที่ไว้เป็นหลักฐาน ยืนยันว่าไม่ใช่ตนทำ แต่ปรากฎคนร้ายรายนี้จะรู้ความเคลื่อนไหวของตนตลอด อินบล๊อคมาถามตนว่า “ป๋า ไปแจ้งความอีกแล้วเหรอ โรงพักบุรีรัมย์มันกระจอกนะ“ ใช้คำพูดที่ไม่ดี ทำนองเยาะเย้ยถากถางตน จนบางทีทำให้ตนโมโห ถามกลับไปแรงๆ ว่า “ทำไมมึงถึงมาเลือกปลอมเป็นกูว่ะ ?!! ”เขาตอบกลับมาว่า “ตนหน้าตาดี เอาไปใช้หลอกคนง่าย แต่พี่ไม่ใช่คนดัง ตำรวจไม่ยุ่งกับพี่” ตนก็พยายามเตือนและขอร้องเขาไปแต่ก็ไม่เลิกทำ บางที่ก็ด่ากลับไปแรงๆ ถึงบุพการีของเขา ใช้คำแรงๆ “คิดว่าผ่านมา 7 ปีแล้วน่าจะโตและมีจิตสำนึก สันดานน่าจะดีบ้าง” เขาตอบกลับมาแค่ “ครับป๋า” วันนี้อโหสิกรรมให้เขาหมดแล้ว ให้เขาไปรับผิดตามกฎหมายต่อไป
วันนี้จึงฝากสื่อสารไปให้สังคมทราบว่าตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา คนร้ายที่ปลอมเฟซฯ และ ไอจี. ไปติดต่อผู้หญิง ดารานักแสดงหลายคน โดยใช้ข้อความแบบเดียวกัน ขอซื้อขนเพชร ชุดชั้นใน ขอเลี้ยงดู จ่ายเป็นรายเดือน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตนเลย
สำหรับคนร้ายรายนี้บก.ปอท.สืบสวนสอบสวนทราบชื่อ นายภาคิน จุ่นสำราญ อายุ 36 ปี ถูกจับกุมได้เมื่อ 3 พ.ย.65 พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ซิมการ์ด
แถลงข่าวว่า กก.1 บก.ปอท. ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งส่วนใหญ่ เป็นดารานักแสดง ผู้ประกาศข่าว หญิงสาวหน้าตาดี ว่าถูกคนร้ายรายหนึ่งปลอมเฟซบุ๊กเป็น ดร.ท่านหนึ่ง หรือ บุคคลอื่น ส่งข้อความมาพูดคุยในลักษณะคุกคามทางเพศ อาทิ เสนอตัวขอเลี้ยงดูโดยให้ค่าตอบแทน ขอซื้อชุดชั้นใน ขอซื้อขนเพชร รวมถึงส่งภาพโป๊มาให้ ต่อมาเมื่อกลุ่มผู้เสียหายพยายามตอบโต้หรือด่าทอกลับ คนร้ายก็จะยิ่งแสดงพฤติกรรมคุกคามมากขึ้นพร้อมทั้งท้าทายให้แจ้งความ รวมถึงพูดจาอวดอ้างว่าตนเองมีความรู้เกี่ยวกับไอทีสามารถปิดบังอำพรางไม่มีใครสามารถตรวจสอบหรือติดตามตัวได้
สืบสวนตรวจสอบจนทราบว่าคนร้ายคือ นายภาคิน อาชีพวิศวกร พักอาศัยอยู่ย่านถนนครูแสวงแป้น 1 ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลแขวงนนทบุรีเข้าตรวจค้นที่พักจนนำไปสู่การจับกุมตัวพร้อมกับตรวจยึดของกลางได้ดังกล่าว
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพทำไปเพราะความต้องการระบายความเครียด ยิ่งเมื่อเห็นผู้เสียหายตอบโต้ ก็จะสนุกตื่นเต้นเร้าใจ ประกอบกับมั่นใจในความรู้เกี่ยวกับเรื่องไอทีคิดว่าตำรวจไม่สามารถติดตามตัวได้ จึงย่ามใจก่อเหตุหลายครั้ง ฉะนั้นความผิดจึงแยกเป็นต่างกรรมต่างวาระ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหา “ทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ, กระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่นอันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ”