วันที่ 16 ก.พ.2566 เวลา 20.00 น. ตม.จว.จันทบุรี นำโดย พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จว.จันทบุรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.ศวัส โชติรณพัส รอง ผกก.ตม.จว.จันทบุรี, พ.ต.ท.นิพนธ์ เรืองสม, พ.ต.ท.ฉัฐเมศร์ จารุเรืองพงศ์ สว.ตม.จว.จันทบุรีและเจ้าหน้าที่ ตม.จว.จันทบุรี ได้บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โป่งน้ำร้อน และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ทำการจับกุม น.ส.ขวัญจิรา หรือ ขวัญ ผู้ต้องหาตามหมายจับของ ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ จ 31/2566 ลงวันที่ 26 ม.ค.66 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงและโกงโดยแสดงคนเป็นคนอื่น” โดย ตม.จว.จันทบุรี ได้รับการประสานจาก สภ.เมืองบุรีรัมย์ ว่าน.ส.ขวัญจิรา ได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางออกไปอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน บริเวณชายแดน ไทย กัมพูชา ด้าน จ.จันทบุรี เพื่อหลบซ่อนตัวให้รอดพ้นจากการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ แต่ด้วยมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนจึงต้องเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย ทางจุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ม.4 ต.คลองใหญ่ อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี จึงถูกเจ้าหน้าตำรวจซึ่งวางกำลังเฝ้าดูอยู่แล้ว ทำการจับกุม หลังถูกจับกุม น.ส.ขวัญ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองไม่มีงานทำ และติดการพนันออนไลน์ โดยมีเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกันทางเฟซบุ๊กชักชวนให้เปิดบัญชีม้า ซึ่งตนเองต้องการใช้เงิน จึงยอมทำทั้งที่รู้ว่าผิดกฎหมาย โดยจะมีคนพาไปที่ธนาคาร และให้ตนเองเข้าไปเปิดบัญชีคนเดียว เมื่อเสร็จแล้วก็จะส่งมอบสมุดบัญชีและบัตรเอทีเอ็มให้คนที่พามา จากนั้นก็จะซื้อซิมเปิดเบอร์โทรศัพท์ให้ และให้ยืนยันตัวตนในแอปพลิเคชันธนาคาร หลังเสร็จแล้วจะได้ค่าจ้างเปิดบัญชี ๆ ละ 1,500 บาท โดยผู้ที่ให้เปิดบัญชีอ้างว่าจะนำบัญชีไปใช้หมุนเวียนเว็บพนัน ตนเองไม่ทราบว่าจะถูกนำไปใช้หลอกลวงเยอะขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงทำการจับกุมตัว น.ส.ขวัญ ส่ง สภ.เมืองบุรีรัมย์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิพัทฒ์ สัจจพันธ์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ ผบก.ตม.3 ได้สั่งกำชับให้ ตม.จว.จันทบุรี เพิ่มความเข้มงวดกวดขัน ตรวจสอบบุคคลที่มีหมายจับของทางการ ที่เดินทางเข้า ออก บริเวณชายแดนประเทศไทยติดต่อกับประเทศกัมพูชา ให้ทำการสืบสวนหาข่าวเฝ้าระวังผู้ต้องหาตามหมายจับในพื้นที่ พร้อมทั้งแจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนรวมถึงเยาวชน รู้เท่าทัน ว่าหากรับจ้างเปิดบัญชีม้า นั้นเป็นความผิดฐานร่วมกันกระทำความผิด เป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิด หรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ทั้งยังมีความผิดฐานฟอกเงิน ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งอัตราโทษสำหรับความผิดฐานฟอกเงินนั้น มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 10,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพ.ศ. 2542