กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป, พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ, พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป., พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ รอง ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ท.พงษ์ศักดิ์ มีมุสิก สว.กก.5บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.5 บก.ป. ได้ร่วมกันจับกุม น.ส.ทวินันท์ หรือเฟิร์น (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ 327/2565 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุม, บุกรุกเคหสถานของผู้อื่น, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารมหาชน หรือเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สำหรับใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าอพาร์ทเมนท์ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต
เมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2565 ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ว่ามีคนร้ายงัดประตูเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในห้องพักมูลค่ารวมกว่า 2 แสนบาท อีกทั้งยังได้ลักเอาโฉนดที่ดินของผู้เสียหายไปอีก 1 ฉบับ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ คือ น.ส.ทวินันท์ หรือเฟิร์น หลานสาวแท้ๆ ของผู้เสียหาย โดยจากการตรวจสอบพบว่าคนร้ายได้มีการปลอมลายมือชื่อของผู้เสียหายและนำเอาโฉนดที่ดินที่ขโมยไปได้ ไปจำนองกับบุคคลอื่น พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับผู้ต้องหาตามหมายจับข้างต้น
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. สืบทราบว่า น.ส.ทวินันท์ หรือเฟิร์น ยังได้ตระเวนออกก่อเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จนถูกออกหมายจับในความผิดลักษณะใกล้เคียงกัน รวมจำนวนอีก 4 หมายจับ ต่อมาภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหา จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนและเข้าทำการจับกุม หลังจากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าตนเป็นผู้ก่อเหตุในคดีนี้ รวมถึงคดีอื่นตามที่ถูกออกหมายจับทั้ง 4 หมายจับจริง โดยเงินที่ได้จากการก่อเหตุจะนำไปใช้เที่ยวเตร่