กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม.เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.3 บก.ปคม. นำโดย พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.กก.3 บก.ปคม. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม นายพันธ์เทพสักดิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 649/2565 ลงวันที่ 12 กันยายน 2565 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534” และหมายจับคดีอื่นอีก 8 หมายจับ รวม 9 หมายจับ โดยมีทั้งข้อหา “ฉ้อโกงฯ” และ “พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ”
จับกุมได้ที่บริเวณบ้านหลังหนึ่ง ม.6 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 07.00 น. ก่อนเกิดเหตุประมาณกลางปี 2564 หนึ่งในผู้เสียหายได้พบกับนายพันธ์เทพสักดินฯ ผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาได้อ้างกับผู้เสียหายว่าตนเป็นทหารมียศพันเอกพิเศษ จบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น19 รู้จักกับผู้ใหญ่เป็นรัฐมนตรีหลายคน พร้อมโชว์โปรไฟล์รูปภาพของตนที่ใส่เครื่องแบบทหารให้ผู้เสียหายดูพร้อมกันนั้นยังพาผู้เสียหายไปโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้เสียหายให้ตายใจหลงเชื่อว่าตนเป็นทหารเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อว่าตนเป็นทหาร ก็จะหลอกยืมเงินผู้เสียหาย (รวมกว่า 15 ล้าน) อ้างว่าเอาไปให้ผู้ใหญ่เปิดทางการลงทุนรถไฟรางคู่ และยังอ้างว่าตนได้โควตาลอตเตอรี่จากกองสลากจำนวนหลายหมื่นเล่ม จึงได้ชักชวนให้ผู้เสียหาย ร่วมลงทุนซื้อลอตเตอรี่จากโควต้าดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายเห็นรูปภาพและโปรไฟล์ของผู้ต้องหาดังกล่าว ก็เชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นทหารจริง น่าจะรู้จักกับผู้ใหญ่รัฐมนตรี และมีโควตาลอตเตอรี่จากกองสลากจริงจึงร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา ต่อมาผู้เสียหายได้มาทราบในภายหลังจากผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ตามทวงหนี้กับผู้ต้องหา จึงเริ่มเอะใจเกี่ยวกับผู้ต้องหาว่าเป็นจริงอย่างที่ว่ากันหรือไม่จึงหาข้อมูล จนกระทั่งมาทราบว่าผู้ต้องหาไม่ได้เป็นทหารจริง ผู้เสียหายจึงนำเช็คที่ผู้ต้องหาออกมาให้ผู้ต้องหา มูลค่ารวมกว่า 15 ล้าน นำไปขึ้นเงิน แต่ปรากฏว่าเช็คทั้งหมด ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายจำนวนหลายรายจึงทราบว่าทั้งหมดที่ผู้ต้องหาอ้างกับตนเป็นการหลอกลวงทำให้เกิดเสียหาย จึงยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไม่มาศาล จนกระทั่งศาลได้ออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 9 หมายจับ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สืบทราบมาว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีคดีมาพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลและนำกำลังเข้าตรวจค้น พบผู้ต้องหาหลบอยู่ในบ้าน จึงจับกุมตัวนำส่งศาลแขวงนนทบุรีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลางจึงขอประชาสัมพันธ์เตือนภัยแก่พี่น้องประชาชน ที่กำลังถูกชักชวนลงทุน หรือมีบุคคลแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐชักชวนลงทุน ขอให้ตรวจสอบบุคคลก่อนตัดสินใจเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงและเสียทรัพย์สินจากการชักชวนดังกล่าว