“…ผู้เสียหายไม่สบายใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเราให้โอกาส ก.ล.ต.ทำงานพิสูจน์ความจริง แต่เนื่องจากเหตุผลที่ต้องรอคอยนาน และไม่ยอมกล่าวโทษในประเด็นนี้ทั้งที่เป็นประเด็นแรกๆ ที่พูดถึง แต่ ก.ล.ต.อ้างว่า Zipup เป็นการฝากออมธรรมดา ไม่มีการให้ผลประโยชน์ เป็นการโฆษณาส่งเสริมการขาย แต่แท้จริงแล้วความเสียหายเกิดจากบริการ Zipup ที่ส่งผลต่อเนื่องมาเป็น Zipup+…”
เราเห็นว่า เลขา ก.ล.ต.เหมือนรับปากจะช่วยผู้เสียหาย แต่การกระทำไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พูดเลย
ตั้งแต่ 1 ส.ค.ที่ผู้เสียหายเข้าไปร้องเลขา ก.ล.ต.ออกมารับเรื่อง บอกเราว่าจะมาทำงานประสานร่วมกัน เราพยายามเข้าไปสื่อสารพูดคุย แต่ท่านมีเวลาให้เราพบเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้นเอง พยายามนัดพบส่งหลักฐานก็ไม่มีช่องว่างให้เราเข้าพบเลย แม้แต่ข้อสงสัยที่เราซักถามในเรื่องใบอนุญาตว่าเมื่อไรจะกล่าวโทษบริษัทซิปเม็กซ์ เพื่อให้ผู้เสียหายไปฟ้องดำเนินคดีได้ ตั้งแต่ 1 ส.ค. จนถึงบัดนี้ คำกล่าวโทษในเรื่องใบอนุญาต Zipup , Zipup+ และ Ziplock ยังไม่มีออกมาเลย เราไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงไหน ท่านเลขา ก.ล.ต.จะหมดวาระ 30 เม.ย.นี้แล้ว
เหยื่อ Zipmex เดือด ร้องตรวจสอบเลขา ก.ล.ต. ปล่อยเกียร์ว่างแรมปี ไร้ความคืบหน้าเอาผิดบริษัท Zipmex
วันที่ 29 มี.ค. ที่ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ตัวแทนกลุ่มผู้เสียหาย 10 คน จาก 300 กว่าราย (ที่ได้เข้าแจ้งความแล้ว) เดินทางมายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี โดยมี นายสาธิต สุทธิเสริม หัวหน้าฝ่ายประสานงานมวลชน (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ) เจ้าหน้าที่สายด่วนรับเรื่องร้องเรียน 1111 เป็นผู้รับแทน
น.ส.แอน (นามสมมุติ) หนึ่งในผู้เสียหายเปิดเผยว่า พวกเรามาร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในกรณีบริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ได้กระทำการละเมิดสิทธิ์และนำสินทรัพย์ของนักลงทุนไปแสวงหาผลประโยชน์ จนทำให้มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมากได้รับความเดือดร้อน ส่งผลความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมทั้งภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย ตลอดจนรู้สึกว่าไม่มีการช่วยเหลือผู้เสียหายหรือบรรเทาเยียวยาอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่ (จากการกระทำของบริษัทซิปเม็กซ์ จำกัด)
วันนี้เรามาร้องเรียน ก.ล.ต.ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นผู้เสียหายที่ฝากเงินซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลไว้กับบริษัทซิปเม็กซ์ จากเหตุการณ์บริษัทซิปเม็กซ์ ระงับการถอน จากการเอาสินทรัพย์ของเราไปแสวงหาผลประโยชน์ตามที่มีสื่อฯ นำเสนอข่าว
เราได้มีการร้องเรียนไปทาง ก.ล.ต.ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.2565 จากวันนั้นจนถึงบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีเลย เนื่องจากทาง ก.ล.ต.ไม่ร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัทซิปเม็กซ์ในความผิดตาม พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัล ในการนำสินทรัพย์ของนักลงทุนไปแสวงหาผลประโยชน์ในผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้รับใบอนุญาต
ในกลุ่มผู้เสียหายเบื้องต้นรวบรวมได้กว่า 3,000 คน ในจำนวนนี้ได้ไปแจ้งความร้องทุกข์ พนักงานสอบสวน สอท.1 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไว้แล้วจำนวน 300 คน เมื่อเช้าพนักงานสอบสวนนัดไปพูดคุยในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องที่ทาง ก.ล.ต.ยังไม่มาร้องทุกข์กล่าวโทษ ในประเด็นใบอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่ทางบริษัทซิปเม็กซ์เอามาโฆษณาชวนเชื่อ
ซึ่งทางผู้เสียหายได้ไปร้องเอาผิดทางอาญากับซิปเม็กซ์แล้ว แต่ทางบริษัทมาอ้างว่าเขาไม่มีความผิดในผลิตภัณฑ์ Zipup มีแค่เรื่องร้องเรียนผลิตภัณฑ์ Zipup+ ทำให้ผู้เสียหายตกไปอยู่ในข้อตกลงของสัญญาไม่เป็นธรรม
ทาง ก.ล.ต. ส่งตัวแทน ฝ่ายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล (ทีมเดิม) เป็นพยานไปให้ปากคำกับทางศาลอาญา แต่กลับไปให้ข้อมูลว่าไม่เคยได้รับเรื่องร้องเรียนผลิตภัณฑ์ Zipup เป็นการปกปิดให้ข้อมูลเท็จต่อศาล
“ผู้เสียหายไม่สบายใจ เนื่องจากที่ผ่านมาเราให้โอกาส ก.ล.ต.ทำงานพิสูจน์ความจริง แต่เนื่องจากเหตุผลที่ต้องรอคอยนาน และไม่ยอมกล่าวโทษในประเด็นนี้ทั้งที่เป็นประเด็นแรกๆ ที่พูดถึง แต่ ก.ล.ต.อ้างว่า Zipup เป็นการฝากออมธรรมดา ไม่มีการให้ผลประโยชน์ เป็นการโฆษณาส่งเสริมการขาย แต่แท้จริงแล้วความเสียหายเกิดจากบริการ Zipup ที่ส่งผลต่อเนื่องมาเป็น Zipup+”
เราเห็นว่า เลขา ก.ล.ต.เหมือนรับปากจะช่วยผู้เสียหาย แต่การกระทำไม่สอดคล้องกับสิ่งที่พูดเลย
เพราะตั้งแต่ 1 ส.ค.ที่ผู้เสียหายเข้าไปร้องเลขา ก.ล.ต.ออกมารับเรื่อง บอกเราว่าจะมาทำงานประสานร่วมกัน เราพยายามเข้าไปสื่อสารพูดคุย แต่ท่านมีเวลาให้เราพบเดือนละ 1 ครั้งเท่านั้นเอง พยายามนัดพบส่งหลักฐานก็ไม่มีช่องว่างให้เราเข้าพบเลย แม้แต่ข้อสงสัยที่เราซักถามในเรื่องใบอนุญาตว่าเมื่อไรจะกล่าวโทษบริษัทซิปเม็กซ์ เพื่อให้ผู้เสียหายไปฟ้องดำเนินคดีได้ ตั้งแต่ 1 ส.ค. จนถึงบัดนี้ คำกล่าวโทษในเรื่องใบอนุญาต Zipup , Zipup+ และ Ziplock ยังไม่มีออกมาเลย เราไม่รู้ว่าจะต้องรอไปถึงไหน ท่านเลขา ก.ล.ต.จะหมดวาระ 30 เม.ย.นี้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงาน ผู้เสียหายมีข้อครหาต่อความล่าช้าของ เลขาธิการ ก.ล.ต. นางสาวรื่นวดี สวรณณมงคล เป็นอย่างมาก และมีความสงสัยต่อความสัมพันธ์กับเอกสารรายนี้ โดยกล่าวว่า…ท่านเลขา ก.ล.ต.จะหมดวาระ 30 เม.ย.นี้แล้ว ถ้าท่านกลับมาดำรงตำแหน่งต่อ และผู้เสียหายกังวลว่า หากคนเก่าไม่ดำเนินการอะไร กลัวว่าหากต้องกลับมาเป็นเลขาก.ล.ต.อีก คงไร้ประสิทธิภาพเหมือนเดิม ซึ่งเป็นข้อสงสัยของตัวแทนผู้เสียหาย ผู้เสียหายก็จะตกที่นั่งลำบาก ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เรื่องความเสียหายของเราจะล่าช้าอีกหรือไม่ ที่ผ่านมาเราเสียเวลามาหลายเดือนโดยไม่ได้ประโยชน์เลย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่รับเรื่องดังกล่าวเสนอผู้บังคับบัญชาสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ ก.ล.ต.ดำเนินการต่อไป
นอกจากนั้นยังมีเอกสารร้องเรียนพฤติกรรมของ นางสาวรื่นวดี อย่างไม่เป็นทางหลุดรอดออกมาในช่วงนี้ อ้างว่าเป็นเอกสารร่างร้องเรียน ไปยังคณะกรรมการ ก.ล.ต. หรือบอร์ด ก.ล.ต. ลงวันที่ 27 มีนาคม 2566 จำนวน 3หน้า ทำให้สังคมให้ความสนใจติดตาม และตั้งข้อเกตถึงความลงรอยกันในการทำงานของเลขาฯ รื่นวดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่บางส่วน ที่ไม่ได้เป็นลูกรักหรือไม่
โดยมีรายละเอียด ชี้ว่าในช่วงที่การคัดเลือกเลขาธิการฯ ก.ล.ต. คนใหม่ในวาระ 2566 ที่ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ลงคัดสรรอีกสมัยหนึ่งถึงแม้จะอยู่ต่อได้อีก 2 ปี หากเธอได้รับการคัดสรรให้นั่งเก้าอี้นี้ต่อไป
โดยตั้งคำถาม.. ถึงพฤติกรรมต่างๆ ตลอดระยะเวลาการทำงานตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ทำให้พนักงานบางส่วนตั้งข้อกังขาว่า เธอเลือกที่รักมักที่ชังหรือไม่? เหตุเพราะไม่สบายใจหลังจากไม่รับการต่ออายุตำแหน่งอัตโนมัติหรือไม่
โดยในช่วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวหลายช่องทางสาธารณะว่า มีบางฝ่ายพยายามให้ข่าวต่อสังคมว่า เธอส่อไปในทางถูกกลั่นแกล้งเนื่องจากมีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน หรืออาจไม่ลงรอยกับกับบอร์ดบางคน ซึ่งมีส่วนได้เสียในการคัดสรรเธอเข้าดำรงตำแหน่งเลขาฯในวาระต่อไป
สาวรื่นวดี สุวรรณมงคล
เอกสารหลุดยัง อ้างถึงความผิดปกติพนักงานกลุ่มที่มีความสามารถหรือที่เรียกว่ากลุ่ม talent ลาออกมากกว่าสี่เท่าตัว เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงการทำงานของเลขาฯ ท่านอื่น สะท้อนถึงการมีปัญหาภายในหรือไม่ จนองค์กรอาจะขาดพนักงานที่มีทักษะสูงในการสานงาน และระบุถึงสาเหตุการลาออกไว้อย่างน่าตกใจ แต่ที่แน่ๆบุคคลถายนอกเมื่อได้อ่านแล้ว อนุมานได้ทันทีว่าจะส่งผลต่อการกำกับควบคุมตลาดทุน ตลาดคริปโตฯ อย่างไร
นอกจากนั้นมีพฤติกรรมส่อในทางเลือกที่รักมักที่ชัง เช่น ระบุว่ามีบางฝ่ายพยายามการกล่าวโทษว่าพนักงานบางกลุ่มเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ส่งผลให้รื่นวดี ไม่ได้ต่ออายุโดยอัตโนมัติ เพราะผลงานไม่เข้าตาประชาชนและบอร์ด โดยไล่เรียงตัวอย่างเหตุการณ์ 6 ข้อ ให้ชาวเน็ตได้สืบเสาะ หาข่าวมาชมกันต่อไป เช่น
- อธิบายถึงกลุ่มอดีตพนักงานกลุ่ม talent ของสำนักงาน ก.ล.ต. ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถูกชี้ว่าเข้าข่ายผิดมาตรา 157 ช่วยเหลือผู้กระทำผิดหรือไม่ เล่าพฤติกรรมจับผิดมากกว่าชี้แนะหรือไม่
2. มีบางฝ่ายกล่าวหาพนักงานทำงานช้าทำให้คดีใกล้ขาดอายุความ ทั้งที่ทำงานการสั่งการ เป๊ะๆ แต่หงุดหงิดเพราะพลาดเป้าหมาย พนักงานเหล่านั้นจึงถูกกดันอย่างหนัก
3. หลังจากพนักงานบางกลุ่มเดินทางไปต่างประเทศตามคำสั่งและการอนุมัติ แต่ภายหลังถูกกลั่นแกล้งโยกย้ายไม่เป็นธรรมจากใครหรือไม่
4. พนักงานที่เกี่ยวข้องกับรถประจำตำแหน่งถูกสอบวินัยได้อย่างไร
5. ใช้งบสนุนการประชาสัมพันธ์ไม่ชอบมาพากลหรือไม่ เช่น งบประมาณ 1.3 ล้านบาท สนับสนุนนักข่าวไปต่างประเทศ ติดตามการทำหน้าที่ ส่อผิดวัตถุประสงค์งบประมาณด้านกำกับดูแล ไม่ใช่ PR
6. ตั้งคำถามว่า …การบริหารภายในของบางคนการปรับขั้นตำแหน่ง ไม่เป็นไปตามความสามารถ ใช้ความชอบส่วนตัวพิจารณา
และทิ้งท้ายว่าขอวิงวอนบอร์ด ก.ล.ต. เมตตาให้ความสำคัญต่อการคัดเลือกเลขา ฯ ก.ล.ต. เปิดทางให้ผู้มีความสามารถ มีความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง เข้ามาบริหารองค์กรนำทางอีกลหายชีวิตเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติในตลากทุน ตลาดคริปโตฯ
ทั้งนี้ นางสาวรื่นวดี สามารถใช้เวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ในการเร่งตอบข้อซักถามพนักงานด้วยใจเป็นธรรมเปิดกว้าง ใช้ท่าทีแบบไม่ใช่เจ้าคนนายคน นำเสนอตัวตนด้าน และเร่งชี้แจงต่อบอร์ด – ประชาชนให้สิ้นข้อสงสัยเหล่านี้ แบบงานฟรีไม่ต้องจ้างสื่อฯ ก็ย่อมได้
นี่นับเป็นสองปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นภายในสัปดาห์เดียวกัน นับเป็นการแสดงผลงานอีกด้าน ที่ไม่ต้องจ้าง PR ประชาชนก็ได้เห็นผลงาน ในช่วงที่ รื่นวดี นำทาง ก.ล.ต.มาตลอดหลายปีได้ดีทีเดียว ท่มกลางการคัดสรรเลขา ก.ล.ต. 2566 ในวาระต่อไป กระแสข่าวช่วงที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายเชียร์อยากให้ รื่นวดีอยู่ ต่อบางคน ก็พยายามสร้างความชอบธรรมโดยการผ่านการสื่อสาร ยกความบาดหมางกับบอร์ดบางคน สื่อไปในทางถูกกลั่นแกล้งมานำเสนอบอร์ด ทำนองดิสเครดิตจุดประวัติบอร์ดบางคน
ส่วนคนไม่อยากให้อยู่ต่อ ก็พยามยามสื่อสารข้อเท็จจริงอีกด้าน ภายใต้ความเกรงบอกเกรงใจ..เสี่ยงต่อในหน้าที่การงานที่อาจจะดับอนาคตได้เลย หากอยู่ไม่เป็น
นี่คือองค์กรระดับควบคุมตลาดทุน-ตลาดคริปโต ซึ่งเป็นขาสำคัญของเศรษกิจไทย จะก้าวไปข้างหน้าได้ไหม หรือจะปล่อยให้ ก้าวไป 1 ถอยมา 3 เพราะจะเปลี่ยนความเสี่ยงไว้เยี่ยงนี้โดยไม่พิสูจน์สอบถามจากคนตัวเล็กตัวน้อย ในยุคใหม่ที่ต้องบริหารงานแบบเอาใจใส่ จากล่างขึ้นบน บางครั้งบผู้นำที่ ไม่มีน้ำมันเครื่อง ทำอะไรก็เสียดสี ลุกลาม ขัดแย้งบานปลาย ในองค์กรรุนแรงไปเสียหด เสี่ยงเป็นอุปสรรคต่อการประสานงานกับทุกฝ่าย
- ต้องถามไปยัง ฝ่ายบริหารงาน ก.ล.ต.
- ต้องถามบอร์ด ก.ล.ต.
- ต้องถามรัฐมนตรี และนายก
ว่าโอเคกับความขัดแย้งแบบนี้ไหม แค่คนบางคนโดนไม่ต่ออายุอัตโนมัติก็น่าจะเป็นคำตอบที่ 1ชัดเจนแล้ว
แต่ก็ขึ้นอยู่กับพวกท่านๆ ผู้มีอำนาจทั้งหลายว่า จะเลือกคำตอบสุดท้ายอย่างไร
ยิ่งยุคนี้ ประชาชนสนใจ ไว… ต่อการขุดคุ้ย คำสั่งสกปรก-พฤติกรรมสกปรก ของผู้มีอำนาจบางคน
ของพวกเอื้อผลประโยชน์บางกลุ่มเสียด้วย
ถ้าผลการคัดสรร คัดเลือก หรือการเลือกตั้งใดๆ มันออกมาผิดกับผลงาน
ย้อนแย้ง สวนทางกับความคิดเห็นของคนตัวเล็กตัวน้อยแล้ว
ต่อให้อยู่ยาว ก็อยู่ยาก แล้ว ไฟแค้น มันพาลจะลุกลามลนก้น กรรมการก็เป็นได้
