เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 7 เม.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. พระครูพิสุทธิวรากร เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร พร้อม นายพร ปั้นเพ็ง อายุ 70 ปี ไวยาวัจกร นายกิจชัย บุญปู่ ทนายความ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.พีรวิชญ์ สุขเอม รอง สว.สอบสวน กก.4 บก.ป. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังมีกลุ่มชายชุดดำ พร้อมมวลชนจำนวนมากบุกเข้ายึดพื้นที่ภายในวัด รวมถึงไล่ทำร้ายร่างกายคนงานและคณะกรรมการวัดจนได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายคน
พระครูพิสุทธิวรากร เปิดเผยว่า เดิมอยู่วัดหนองดง อาตมาได้รับแต่ตั้งจากเจ้าคณะตำบลมารักษาการเจ้าอาวาสเมื่อปี 2557 ต่อมามิ.ย.65 เจ้าอาวาสเดิมมรณภาพ ล่าสุดเมื่อ 10 มี.ค.66 เจ้าคณะจังหวัดได้แต่ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม หรือ วัดบางคลาน
อาตมามากองปราบ สอบสวนกลางวันนี้เนื่องจากมีคนเข้าไปกระทำผิด บุกรุกและทำร้ายคนในวัด เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา การที่มาบุกรุกเรียกร้องอะไรก็ควรใช้ช่องทางตามกฎหมาย ไม่ใช่มาใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายแบบนี้เนื่องจากวัดเป็นศาสนสถาน ทำตัวเหมือนเป็นผู้มีอิทธิพล อังยี่ซ่องโจร แม้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยแต่กลับทำอะไรไม่ได้ อาตมาจึงต้องมาเรียกร้อง บช.ก.ให้ความช่วยเหลือวัด
อาตมาได้เดินทางออกจากวัดบางคลาน เช้ามืดวานนี้มีกิจนิมนต์ที่ กทม. ก่อนจะเกิดเหตุชายฉกรรจ์บุกรุกเข้าไปในกุฎิเจ้าอาวาสรูปก่อน ซึ่งเป็นเคหะสถานทำตัวเหมือนอั่งยี่ซ่อมโจร
ญาติโยมบางคนก็ยังคงนอนเฝ้ากุฏิเจ้าอาวาสเดิมต่อเพื่อรอการส่งมอบทรัพย์สินที่ยังไม่ได้ส่งมอบ ตามคำพิพากษาของศาลจ.พิจิตร หมายเลขคดี 720/2566 เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ก็เกิดเหตุการณ์มีกลุ่มบุคคลเข้ามาขัดขวาง โดยมี ผอ.บังคับคดี ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อย
ตนมองว่าเรื่องนี้เป็นการใช้กำลัง กฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมาย เหมือนคนเถื่อน บ้านเมืองไร้ขื่อแปร เรื่องนี้มีการพูดคุยกันมาหลายรอบแล้ว ใช้หลักรัฐศาสตร์ แต่คุยกันไม่จบ
อดีตเจ้าอาวาสมีการฟ้องร้องพระเถระผู้ใหญ่ที่มีการสอบสวนและสั่งท่านออกจากเจ้าอาวาส ที่เห็นว่าท่านมีการย่อหย่อนในการประพฤติปฏิบัติหน้าที่รักษาการเจ้าอาวาส
ขณะนี้ศาล จ.พิจิตรมีคำพิพากษาไปหลายคดี ให้ส่งมอบทรัพย์สินของวัด ส่วนมากก็ส่งมอบไปแล้ว เหลือแค่กุฏิอดีตเจ้าอาวาสอีกหลังเดียว เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้ไปสำรวจทำบัญชีไว้หมดแล้ว รอแต่ส่งมอบวันที่ 5 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็มีการขัดขวางกัน ไวยาวัจกรไปแจ้งความ สภ.โพทะเล
ต่อมา 6 เม.ย. มีการเอากำลังมาบุกรุกทำร้ายไวยาวัจกร กรรมการวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เห็นว่าการบังคับคดีมีความรุนแรงจึงหยุดไว้ก่อน วันนี้อาตมาจึงมาพึ่งอำนาจของกองบัญชาการตำรวจสิบสวนกลาง กองปราบปรามให้ช่วยบังคับเป็นไปตามกฎหมายด้วย
นายพร กล่าวว่า สาเหตุที่มาร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบในวันนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ บุกเข้ามาไล่ทำร้ายคนงาน และ คณะกรรมการวัด ก่อนไล่ให้ออกจากพื้นที่วัด แล้วเข้ายึดพื้นที่ ซึ่งหลังเกิดเรื่องได้มีการเข้าแจ้งความไว้กับตำรวจท้องที่ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการเข้าจับกุมกลุ่มบุคคลที่บุกรุกและเข้ามาทำร้ายคนงานในวัดแต่อย่างใด เมื่อสอบถามไปยังตำรวจท้องที่ก็ได้รับคำตอบเพียงว่าเจ้าหน้าที่มีกำลังไม่พอ ผู้บังคับบัญชายังไม่มีการสั่งการใดๆ ทำให้จนถึงตอนนี้กลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวก็ยังคงปักหลักยึดพื้นที่วัดอยู่เช่นเดิม
นายพร กล่าวต่อว่า ส่วนสาเหตุที่กลุ่มชายฉกรรจ์บุกเข้ามายึดพื้นที่วัดนั้น เชื่อว่าน่าจะมาจากการเสียผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มอดีตไวยาวัจกรที่เคยบริหารจัดการวัดในสมัยอดีตเจ้าอาวาสคนก่อน รวมถึงผลพวงจากกรณีตรวจสอบพบการทุจริตยักยอกเงินวัดเกือบ 200 ล้าน ในช่วงระหว่างปี 2554-2557 ก่อนที่กลุ่มไวยาวัจกร และ คณะกรรมการวัดชุดใหม่จะเข้ามาบริหารวัดในปัจจุบัน จึงทำให้กลุ่มอดีตไวยาวัจกรเหล่านี้นำกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาบุกยึดพื้นที่วัดกลับคืน
ด้าน นายกิจชัย กล่าวว่า พฤติกรรมของกลุ่มคนเหล่านี้ เปรียบเหมือนผู้มีอิทธิพล ไม่เคารพ หรือ เกรงกลัวต่อหมาย และ เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องมีการวางแผนเตรียมการมาเป็นอย่างดี ซี่งจนถึงตอนนี้ ตำรวจท้องที่เองก็ยังไม่สามารถตามจับกุมผู้กระทำผิดเหล่านี้ได้ รู้ว่ากำลังเจ้าหน้าที่มีน้อย ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ก็ควรลงมาสั่งการ เพิ่มกำลังเพื่อเข้ามาควบคุมสถานการณ์ และ จับกุมผู้กระทำผิดไม่ได้ เพราะจนถึงตอนนี้ทั้งรักษาการเจ้าอาวาสรวมถึงคณะกรรมการวัดชุดปัจจุบันก็ยังไใ่สามารถเข้าไปในวัดได้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำผู้ร้องก่อนส่งต่อให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
