เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 21 เม.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. ทนายเกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี พา น.ส.เหมียว (นามสมมุติ) อายุ 42 ปี ผู้เสียหาย เจ้าของธุรกิจส่วนตัวและเจ้าของรีสอร์ทใน จ.เพชรบุรี เข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ให้ดำเนินคดีกับคลินิกเสริมความงาม ชื่อดังย่านสุขุมวิท และแพทย์ผู้ทำศัลยกรรมอีก 2 คน หลังผู้เสียหายไปศัลยกรรมปรับแก้จมูก แต่สุดท้ายกลับเสียโฉม อีกทั้งยังพบหลักฐานว่าคลินิกมีการปลอมแปลงเอกสาร เพื่อปัดความรับผิดชอบด้วย
นส.เหมียว เปิดเผยว่า เมื่อปี 2563 ได้ตัดสินใจไปทำศัลยกรรม แก้ไขจมูกกับคลินิกดังกล่าว เพราะมีปัญหาจมูกสั้น ไม่รับกับใบหน้า โดยได้รู้จักคลินิกแห่งนี้ผ่านการโฆษณาผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย ว่ารับแก้จมูกแบบ OPEN หรือการผ่าตัดจมูกแบบเปิด ในราคา 2 แสนบาท มีรีวิวดูน่าเชื่อถือจำนวนมาก ว่าทำดี จมูกออกมาเป็นธรรมชาติ จึงตัดสินใจทำกับคลินิกแห่งนี้ แต่เมื่อไปทำการผ่าตัดแล้ว กลับพบปัญหาไม่สามารถยิ้มได้ เพราะซิลิโคนค้ำลงมาบริเวณกระจับปาก หายใจไม่สะดวก จึงได้กลับไปปรึกษาเพื่อทำการแก้ไข
โดยทางคลินิกให้รออย่างน้อย 6 เดือนแล้วกลับมาผ่าตัดรอบ 2 ซึ่งครั้งนี้มีแพทย์ที่ผ่าตัด 2 คน คนแรกได้พยายามตัดซิลิโคนที่ค้ำลงมาบริเวณเหนือกระจับปากออก แต่ได้ยินว่าซิลิโคนจะล้ม แพทย์คนที่ 2 ก็เข้ามาพยายามแก้ไข แต่สุดท้ายแล้วกลายเป็นว่าซิลิโคนทะลุลงมาที่ที่เหงือกเหนือฟันหน้า และเกิดพังผืดบริเวณดังกล่าว และส่งผลให้โครงสร้างจมูกตกลงมาต่ำผิดรูป ทำให้มีการดึงรั้งกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าเหนือจมูกลงมาทั้งหมด ทำให้ใบหน้าผิดรูป มีอาการเจ็บปวดทั่วทั้งใบหน้า ต้องติดเทปดึงรั้งช่วงแก้มขวาไว้ตลอดเวลา หายใจลำบาก ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติ ไม่สามารถออกกำลังกายได้ และมีภาวะซึมเศร้า
ซึ่งหลังจากแก้รอบ 2 แล้วอาการหนักกว่าเดิม จึงต้องการไปรักษาที่คลินิกอื่น แต่ไม่มีแพทย์รับแก้ เพราะเกรงว่าจะกระทบเส้นประสาท อีกทั้งไม่มีใบเวชระเบียน ทำให้ตนเองต้องไปขอเอกสารเวชระเบียนจากคลินิกเดิม แต่คลินิกกลับปฏิเสธ จนไปร้องแพทยสภา และได้รับเอกสารมา แต่กลับพบว่า 1 ในเอกสารที่ได้รับ เป็นเอกสารกล่าวหาว่าตนเองมีความบกพร่องบนใบหน้าอยู่แล้ว มีการนำรูปมาประกอบ ซึ่งบางรูปเป็นภาพขณะนอนผ่าตัด ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่ตนเอง อีกทั้งเมื่อส่งตรวจพิสูจน์ลายเซ็นกับผู้เชียวชาญ ก็พบว่ามีการปลอมลายเซ็นต์ขึ้นมา เพื่อบอกปัดความรับผิดชอบ และไม่มีการช่วยเหลือเยียวยาใดๆจากทางคลินิกอีกเลย
เบื้องต้นจึงต้องการให้คลินิกออกมารับผิดชอบ ดูแลเยียวยา ไม่ใช่ให้ดิ้นรนหาทางรักษาเอาเอง นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายอีกกว่า 10 คน ที่ประสบชะตากรรมเดียวกันจากคลินิกแห่งนี้ บางคนผ่าตัดมาแล้วจมูกไม่เท่ากัน จมูกเอียง หรือจมูกล้มก็มี
ด้านทนายเกรียงศักดิ์เปิดเผยว่า ต้องการดำเนินคดีกับแพทย์ และคลินิก รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในข้อหาปลอมแปลงเอกสารและใช้เอกสารปลอม รวมถึงข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงจะร้องขอให้แพทยสภาเข้าไปตรวจสอบคลินิกดังกล่าว ว่ามีใบอนุญาติและใบประกอบวิชาชีพถูกต้องหรือไม่ด้วย
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายพร้อมตรวจสอบพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป