“…หลายเดือนก่อนตำรวจที่มีความผิดฐานเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา ถูกย้าย ถูกลงโทษ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกมาแถลงข่าวว่าแม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรองผู้บังคับการ ก็จะต้องดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ไม่มีละเว้น วันนี้โผล่มาอีกที ในพื้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ปรากฏว่ามีป้ายหาเสียงของ ท่าน “รองโจ” พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ โผล่หราเต็มไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้ามีพัวพันคดีดังฉาวโฉ่วงการสีกากี ประชาชนต่างสงสัยว่า กระบวนการยุติธรรมระหว่างคนมีสี มีอำนาจ มากบารมี กับคดีความของชาวบ้านตาดำๆ ทั่วไป ใยต่างกันราวฟ้ากับเหว…?”
จากกรณีเมื่อวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา กรณีมีกลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธปืนบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายกลุ่มผู้เสียหายซึ่งพักอยู่ที่ แอทไซด์พูลวิลล่า ถนนจอมเทียน สาย 2 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งสาเหตุมาจากเป็นความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์จากเว็บพนัน
โดยผู้ที่มาดูแลคดีนี้คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท. อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 พล.ต.ต. ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.บช.ภ.2 ระดับบิ๊กๆ ใหญ่โตสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
วันนั้นรูปคดีน่าจะเป็นคดีที่ไม่มีความสลับซับซ้อนใดๆ คือ กลุ่มคนที่พักในพูลวิลล่า มีคนที่ทำหน้าที่รับจ้างเปิดบัญชีให้ผู้ก่อเหตุแล้วหักหลังเชิดเงินไป จนผู้ก่อเหตุบุกไปทวงคืน วันนั้นสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุครบทั้ง 6 รายแล้ว แต่ระหว่างสืบสวน ผู้ก่อเหตุมีการวางแผนที่จะหลอกชุดจับกุมด้วยการวางแผนกับเจ้าหน้าที่รัฐในการสลับเอาคนอื่นมามอบตัวแทนผู้ก่อเหตุตัวจริง แต่จากการรวบรวมพยานหลักฐานอย่างรอบคอบครบถ้วน จึงทราบว่ามีขบวนการสลับตัวผู้ต้องหาประกอบไปด้วย นายอรรถวุฒิ ธินามธรรม (เอ็ม ปู่ไปล่) และ นายเอกพล เอี่ยมวิสูตร ในฐานะ ผู้จ้างวานติดต่อ นายบุญฤทธิ์ หรือ ฉุย จิตรมา และ นายสราลัญ หรือ ท้อป ยอดทัด ผู้รับจ้างมามอบตัวแทนผู้ก่อเกตุที่แท้จริง
จึงดำเนินคดีในความผิดฐาน “แจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนได้รับความเสียหาย และช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดอันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ โดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม”
แต่มาโป๊ะแตกเอาตอนที่ผู้ต้องหารายหนึ่งเผลอปากเปาะให้การรับสารภาพให้การซักทอดไปยัง พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ว่าร่วมกันการวางแผนเปลี่ยนตัวผู้ก่อเหตุ และเรียกรับเงินถึง 1 ล้านบาท
ตอนนั้นตำรวจระดับรองผู้บังคับการ เลยถูกดำเนินคดีความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับประโยชน์ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายสืบสวน ช่วยเหลือไม่ให้คนต้องรับโทษ หรือรับโทษลดลง
ทาง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 ได้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และให้ พ.ต.อ.กรวัฒน์ มาประจำที่ ศปก.ภ.2 เพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างยุติธรรมต่อทุกฝ่าย
อีกทั้ง ผบ.ตร.ได้เซ็นคำสั่งเด้ง “ผู้การชลบุรี” เข้ากรุสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังพบมีเอี่ยวสับเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาครั้งนี้ด้วย
ทางด้านคดีได้เสนอสำนวนการสอบสวนให้กับอัยการจังหวัดคดีศาลแขวงชลบุรีดำเนินการฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ต่อศาลแขวงชลบุรีในวันเดียวกัน เบื้องต้น ศาลแขวงชลบุรี มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสี่เป็นเวลา 1 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง (เหลือจำคุก 6 เดือน) ไม่รอลงอาญา ปัจจุบันผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวในวงเงินคนละ 50,000 บาท เพื่อยื่นอุทธรณ์ตามขั้นตอนต่อไป
และในห้วงเวลาดังกล่าวกลับมีเรื่องแปลกประหลาด เมื่อทางด้าน “เอ็ม ปู่ไปล่” 1 ในทีมทวงหนี้ฉาวมาแปลก พาพวกยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทาง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ รองผู้การตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ที่โดนสั่งย้ายไปก่อนหน้านี้ ไม่เคยรับสินบน 1 ล้านบาท พร้อมจะเป็นพยานศาลยืนยันความบริสุทธิ์ให้ด้วย กลับลำช่วยเหลือเป็นพยานให้ตำรวจหน้าตาเฉยเลย
แถมวันนี้มีเรื่องแปลกใจให้กับคนไทยหนักมากขึ้นไปอีก เมื่อนับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลาร่วม 7 เดือน คดีความต่างๆ เงียบหายไป โผล่มาอีกที ในพื้นที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ปรากฏว่ามีป้ายหาเสียงของ ท่าน “รองโจ” พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ โผล่หราเต็มไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้ามีพัวพันคดีดังฉาวโฉ่วงการสีกากี
ประชาชนต่างสงสัยว่า กระบวนการยุติธรรมระหว่างคนมีสี มีอำนาจ มากบารมี กับคดีความของชาวบ้านตาดำๆ ทั่วไป ใยต่างกันราวฟ้ากับเหว…?
กรณีของ “รองโจ” พ.ต.อ.กรวัฒน์ จัดว่าเป็นการทุจริตและประพฤติมิชอบต่อหน้าที่ราชการ และเป็นคดีอาญามีฐานความผิดร้ายแรง แต่ ตร.ทำได้เพียง ย้าย แล้วตั้งคณะกรรมการสอบสวน หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไป…
โผล่มาอีกที “รองโจ” ลงสมัครรับเลือกตั้งพรรคของนายกฯ ตู่ แบบนี้ คดีความผิดก่อนหน้าสอบกันไปถึงไหน ผิดไม่ผิดอย่างไร สำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งโต๊ะแถลงหน่อยจะดีไหมครับ เพราะหากท่าน พ.ต.อ.กรวัฒน์ เกิดเข้าตาต้องใจประชาชน ชาวบ้านบางพลี หลุดไปเป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติได้ ทั้งที่คดีความยังอึมครึมแบบนี้ มันจะ “ไม่งาม”
วันนั้นพูดว่า “แม้จะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรองผู้บังคับการ ก็จะต้องดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ไม่มีละเว้น การประชุมแถลงผลนี้เป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการทำความจริงให้ปรากฏและสร้างสังคมที่สงบสุขให้กับพี่น้องประชาชน … มีความเป็นธรรมตรงไหน จะให้ประชาชนเชื่อมั่นตำรวจด้านไหนคร้าบบบ ท่าน!!!!”
กองบรรณาธิการ #สืบจากข่าว : รายงาน