กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก, พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส., พ.ต.อ.อริยพล สินสอน, พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญญา รอง ผบก.ปทส., พ.ต.อ.วิศิษฐ์ พลบม่วง ผกก.1 บก.ปทส., พ.ต.ท.กษิดิ์เดช เจริญลาภ, พ.ต.ท.เอกพล ปัญจมานนท์ รอง ผกก.1 บก.ปทส.
ร่วมกับ กรมควบคุมมลพิษ ภายใต้การอำนวยการของ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พฤติการณ์ ด้วย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. และ นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ได้มีนโยบายแก้ไขปัญหามลพิษจากแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร จึงได้ร่วมกัน ลงพื้นที่ตรวจสอบการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำ ได้แก่ โรงแรม อาคารชุด และห้างสรรพสินค้า เพื่อควบคุมการปล่อยน้ำเสียออกสู่แหล่งน้ำสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม ให้มีค่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดไว้ พร้อมทั้งตรวจสภาพการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียหรือระบบกำจัดของเสียหรืออุปกรณ์ และเครื่องมือต่างๆ เพื่อควบคุมการปล่อยมลพิษ และเป็นการป้องกันไม่ให้แหล่งน้ำสาธารณะเป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อโรค, น้ำเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็น และส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพที่สวยงามของประเทศ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบ ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปทส. และ เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ ตั้งแต่เดือน มีนาคม 2566 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เป็นการตรวจติดตามการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษที่ให้แหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำแก้ไขปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้น้ำทิ้งมีค่าเป็นไปตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด พบว่า แหล่งกำเนิดมลพิษบางแห่งยังไม่สามารถปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสีย ให้มีประสิทธิภาพและยังคงฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษในการระบายน้ำทิ้ง
ให้มีค่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด บทลงโทษ ซึ่งเจ้าพนักงานควบคุมมลพิษ จะพิจารณาออกคำสั่งปรับเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษดังกล่าว โดยคิดอัตราค่าปรับรายวันตามประเภทของแหล่งกำเนิดมลพิษ จนกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งและเจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษที่มีระบบบำบัดน้ำเสีย ต้องจัดเก็บสถิติและข้อมูล
ซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียแต่ละวันตามแบบ, จัดทำรายงานสรุปผลการทำงาน
ของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละเดือนตามแบบ หากพบว่าไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
