“40 ตำรวจทางหลวง” เอี่ยวส่วยสติ๊กเกอร์ เข้ารายงานตัว บก.ทล. พร้อมรับการอมรม ด้าน ‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ แย้ม เตรียมพิจารณาแจ้ง ม.157 – ม.149 กับตำรวจ 29 ราย หลังพบข้อเท็จจริงสอดคล้อง กับคำให้การของผู้ประกอบการรถบรรทุก
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ กองบังคับการตำรวจทางหลวง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจทางหลวง กว่า 40 นาย ที่ถูกคำสั่งย้ายมาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการกองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้ทยอยเดินทางเข้ารายงานตัวกับคณะทำงาน หลังมีข้อมูลการสืบสวนสอบสวนว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนดังกล่าวอาจเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับสติ๊กเกอร์ส่วยรถบรรทุก
แหล่งข่าวภายในกองบังคับการตำรวจทางหลวง ระบุว่า ผู้บังคับการได้นัดหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 40 นายดังกล่าว เข้ามารายงานตัวภายในเวลา 13.00 น. – 13.30 น. และจากนั้นจึงจะเริ่มมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจรายใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วยสติ๊กเกอร์ดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวว่า ชุดสืบสวนสอบสวนของกองบังคับการตำรวจทางหลวง และ บก.ปปป. ยังอยู่ระหว่างการเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและตรวจสอบข้อเท็จจริงตามที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยได้ส่งข้อมูลให้ตำรวจทางหลวงไว้ก่อนหน้านี้ หากปรากฏข้อเท็จจริงเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา หรือมีพยานหลักฐานพาดพิงไปถึงก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และในฐานะรักษาราชการแทนตำแหน่ง ผบก.ทล. ระบุว่า การเรียกข้าราชการตำรวจตามรายชื่อทั้ง 40 นายในวันนี้ เป็นการให้ทั้งหมดเข้ามารายงานตัวกับรองผู้บังคับการฯ โดยเบื้องต้นจะให้มีการเซ็นชื่อ-นามสกุล อบรมให้ความรู้ อาทิ อบรมเรื่องการทำงาน อบรมการปฏิบัติตัว อบรมเรื่องคุณธรรม เป็นต้น รวมถึงจะมีการแจกจ่ายหน้างานใหม่ให้ทุกคนปฏิบัติแทนหน้าที่เดิม ส่วนเรื่องการสอบวินัยนั้น เราได้มีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อตรวจสอบเป็นรายบุคคล หากตำรวจรายใดมีมูลเข้าข่ายอย่างไรก็จะเข้าสู่ขั้นตอนถัดไป
เมื่อถามว่านายตำรวจทั้ง 40 รายยังคงอยู่ในสถานะพยาน ยังไม่มีรายใดถูกออกหมายเรียกผู้ต้องหาใช่หรือไม่นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่า บางส่วนก็มีพยานหลักฐานบ้างแล้ว ขณะที่บางส่วนก็มีข้อกล่าวหาที่ถูกพาดพิง แต่รับประกันว่ามีบุคคลที่จะถูกดำเนินคดีจากเรื่องนี้แน่นอน อย่างไรก็ตาม ในจำนวนตำรวจ 40 รายนี้ มีผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสติ๊กเกอร์ 29 ราย ดังนั้น ในจำนวนดังกล่าวนี้จะมีคนที่ถูกดำเนินคดี เบื้องต้นเตรียมพิจารณา 2 ข้อหา ได้แก่ ม.157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ส่วนอีกข้อหาคือ ม.149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ทั้งนี้ สำหรับการเตรียมพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคำให้การของพยานบุคคลอย่างผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ได้ให้ไว้กับคณะพนักงานสอบสวน