ตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกองบัญชาการตำรวจนครบาล ออกติดตามจับกุมคดี ที่เป็นที่สนใจของประชาชน และความผิดอันเกี่ยวกับการกำหนดผลการแข่งขันกีฬา(ล้มมวยไทย) โดยเฉพาะกีฬามวยไทยอันเป็นกีฬาประจำชาติส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาวงการกีฬาเป็นอย่างมาก สืบนครบาลโดยได้รับการร้องเรียนจากประชาชนให้ทำการสืบสวนสอบสวนคู่ชกระหว่าง เสาเอก อ.อัจฉริยะ ขึ้นชกกับ ดีเซลเล็ก บิ้วเจซี ในการการศึกยินดีเพชร ในพิกัด 122 ปอนด์ เวทีมวยราชดำเนิน ปรากฎพบความผิดปกติของ เสาเอก อ.อัจฉริยะ อย่างชัดเจน
.
เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ สระทองออย รอง ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. ,พ.ต.อ.ธัญญพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ,พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ สีเสมอ, พ.ต.ท.นิติกรณ์ ระวัง รองผกก.สส.2 บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม กก.สส.2 บก.สส.บช.น. จับกุมตัว
นายฐิติวัฒน์ ฟูกลิ่น อายุ 22 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 91 กรุงเทพนนท์2 แยก5 ต.บางเขน อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 538/2566 ลงวันที่ 13 มิถุนายน 2566 ข้อหา “ห้ามมิให้ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่นักมวย หรือผู้อื่น เพื่อจูงใจให้นักมวยทำการล้มมวย” จับกุมที่ บริเวณบ้านเลขที่ 51 หมู่บ้านสวนทองวินเลจ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
.
โดยพฤติการณ์ในการกระทำความผิดคือ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 ค่ายมวย อ.อัจฉริยะ ได้ส่ง เสาเอก อ.อัจฉริยะ ขึ้นชกกับ ดีเซลเล็ก บิ้วเจซี ในการการศึกยินดีเพชร ในพิกัด 122 ปอนด์ ณ เวทีมวยราชดำเนินโดยก่อนการแข่งขันทัศนะคติของเซียนมวย และนักวิจารณ์ ให้มุมมองวิเคราะห์ว่าจากทั้งสถิติและฝีมือ ชั้นเชิงในการชกที่ผ่านมา เสาเอกฯ มีโอกาสเป็นฝ่ายชนะมากกว่า เมื่อถึงเวลาการแข่งขันมีการชกกันทั้งหมด5ยกโดยในระหว่างการ แข่งขันในช่วงยกที่1-3วิธิการชกของเสาเอกฯก็มีการออกอาวุธและป้องกันตามปกติเหมือนฟอร์มการชกที่ผ่านมาสถานการณ์เป็นฝ่ายออกอาวุธได้มากกว่า จนเริ่มชกยกที่ 4 และ 5 เสาเอกฯ ไม่ค่อยออกอาวุธใส่คู่ต่อสู้และไม่พยายามป้องกันตอนที่คู่ต่อสู้ออกอาวุธใส่จนช่วงยกดังกล่าวถูกคู่ต่อสู้ออกอาวุธทำคะแนนได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด จนจบการแข่งขันยกที่ 5 ผลปรากฏว่า เสาเอก อ.อัจฉริยะ เป็นฝ่ายแพ้คะแนนดีเซลเล็ก บิ้วเจซี หลังจากจบการแข่งขันได้มีการวิเคราะห์จากบรรดาเซียนมวยและนักวิจารณ์ว่าพฤติกรรมการชกของ เสาเอกฯผิดจากการชกปกติอย่างเห็นได้ชัด และมีข่าวว่ามีการแทงพนันฝั่งตรงข้ามเสาเอกฯ ด้วยเงินจำนวนมาก ในลักษณะที่รู้ว่า เสาเอกฯจะเป็นฝ่ายแพ้ ตั้งแต่ก่อนการแข่งขัน ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.บช.น. ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายฐิติวัฒน์ ฟูกลิ่น มีส่วนเกี่ยวข้องในการให้จูงใจ ให้นักมวยทำการล้มมวย จึงได้รวบรวมหลักฐาน และขอหมายจับ โดยจับกุมนายฐิติวัฒน์ฯ ได้ที่บริเวณ หมู่บ้านสวนทองวินเลจ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่าทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงนักมวย และเป็นญาติกับเสาเอก อ.อัจฉริยะ อดีตเคยเป็นนักมวยมาก่อน และได้รับการติดต่อจากเซียนมวย ชื่อย่อ ต. แถวนนทบุรี เมื่อประมาณกลางเดือน พฤษภาคม (ช่วงก่อนการแข่งขัน) ให้ไปคุยกับ เสาเอก อ.อัจฉริยะ หรือ นายอัมรินทร์ ฟูกลิ่น ที่จะขึ้นชกรายการศึก ยินดีเพชร ณ เวทีมวยราชดําเนิน โดยจะมอบเงินค่าตัวเสาเอกเป็นเงิน 250,000 บาท และ ตนเอง จะได้รับค่าตอบแทนอีก 50,000 บาท ตนจึงได้ไปคุยกับ เสาเอก เมื่อเสาเอก ตกลงว่าจะล้มมวย ตนจึงได้แจ้งใน เซียนมวยทราบ พอถึงวันแข่งขัน เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 66 ตนเองได้เดินทางไปหาเซียนมวยคนดังกล่าว และ อยู่ด้วยกันจนจบการแข่งขัน โดยเมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัน และรู้ว่า เสาเอก อ.อัจฉริยะ หรือ นายอัมรินทร์ ฟูกลิ่น ถูกจับได้ว่า ล้มมวย เซียนมวยคนดังกล่าว จึงได้ให้คนมารับตนเอง และ ไปหลบหนีที่ภาคอีสานเป็นเวลา กว่า 1 อาทิตย์ โดยเซียนมวยคนดังกล่าวได้หาที่พักให้และออกค่าใช้จ่ายในการดู แลตน จากนั้น ตนเองได้ขอกลับบ้าน โดยก่อนกลับ เซียนมวยคนดังกล่าวได้กำชับว่า เมื่อกลับไปแล้ว ห้ามซัดทอดมาถึงตนเอง โดยหลังจากกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว เซียนมวยคนดังกล่าว ได้มีการส่งเงินให้ตนเองจำนวนหลายครั้ง โดยล่าสุดได้ ให้เงินตนเอง เมื่อประมาณ 2-3 วันก่อนถูกจับกุม นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
.
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “กลุ่มของขบวนการล้มมวยซึ่งนำความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่วงการกีฬาของประเทศไทย ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติ โดยขณะนี้ทาง สืบนครบาลได้ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลการจับกุมขบวนการเหล่านี้ให้หมดไป โดยหากตรวจพบว่ากลุ่มบุคคลใด มีการกระทำที่ผิดกฎหมายก็จะรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีทุกราย”
