“เจ๊บัว หรือเจ๊เล็ก” ที่สุดของอาชญากรต่อเนื่องที่ยังวนเวียนอยู่ในสังคมไทย “แสร้งเป็นสาวประเภท 2” และอ้างว่าตนเองเป็นโมเดลลิ่งสามารถพาเข้าวงการบันเทิง วนเวียนตามห้างสรรพสินค้าดัง “คัดเหยื่อ” หญิงสาววัยรุ่น หน้าตาดี ต้องการที่จะเข้ามามีหน้าตาในวงการบันเทิง ก่อนลวงอ้างพาไป “แคสติ้ง” ที่โรงแรม เมื่อเข้าห้องกับเหยื่อ สลับคราบสาว 2 แปลงกายเป็น “ชายโฉด” ลงมือข่มขืนเหยื่อ เคยถูกจับคดีลักษณะเดียวกัน และเคยสารภาพก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง!! ทำมานานเกือบ 20 ปี ล่าสุดกลับออกมาใช้ชีวิตในสังคมปกติทำงานตีเนียนในโรงเรียนสอนร้องเพลงชื่อดัง แต่ไม่ทิ้งสันดานเดิมตระเวนก่อเหตุ เพิ่มเติมวิชาและความแยบยลเข้าขั้น “ไร้เงา” เป็น “สันดาน” ที่แก้อย่างไรก็ไม่หาย ล่าสุด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. จัดชุดวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรนักข่มขืนพ้นโทษในคดีดังกล่าวโดยไล่ล่าพลิกทั่วเมืองหลวง และจัดชุดมือดีติดตามพฤติกรรมขณะที่เจ๊เล็กตามห้างดังกว่า 2 สัปดาห์
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. / รอง หน. PCT ชุดที่ 5 , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. , พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ทองแพ , พ.ต.อ.พัชรดนัย การินทร์ ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ , ร.ต.อ.ศิวัช ยังอุ่น , ร.ต.อ.พลวัต นาคถมยา , ร.ต.อ.วรภัทร แสงเทียนประไพ , ร.ต.อ.หญิง ธิดารัตน์ ผดุงประเสริฐ , ส.ต.ท.จิรวัฒน์ ศรีมั่นมีชัย ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ ศปอส.ตร. (PCT) ชุดที่ 5 และ ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) นำกำลังสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายสนธิชัย อยู่สุภาพ หรือ “เจ๊เล็กหรือบัว” อายุ 60 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.2007/2566 ลงวันที่ 27 มิ.ย. 66 โดยกล่าวหาว่า “พยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยใช้อวัยวะอื่นซึ่งไม่ใช่อวัยวะเพศล่วงล้ำอวัยวะเพศของบุคคลนั้น”และพบประวัติการเคยถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” เมื่อปี 2558 พื้นที่ สน.พญาไท
“เจ๊เล็กหรือบัว” หรือ นายสนธิชัย อยู่สุภาพ ภัยสังคมของเหล่าหญิงสาว ชนิดที่เรียกได้ว่าเป็น “ที่สุดของอาชญากรต่อเนื่อง” ก่อเหตุข่มขืนหญิงสาวมาอย่างโชกโชน โดยเจ้าตัวเคยถูกชุด “สืบนครบาล” จับกุมเมื่อปี พ.ศ.2558 ในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” และเคยสารภาพไว้กับชุดจับกุมว่า “ทำมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง” ล่าสุดได้พ้นโทษออกมาแล้วเมื่อ 20 พ.ค. 65 แต่ไม่ได้กลับตัวกลับใจแต่อย่างใด ยังมั่นคงในเส้นทางสายเดิม ตระเวนลงมือก่อเหตุข่มขืนเหยื่อเช่นเดิม โดยช่วงแรกที่คนร้ายเริ่มตระเวนก่อเหตุหลังพ้นโทษออกมา เจ้าหน้าที่ในแต่ละท้องที่ยังไม่สามารถยืนยันตัวคนร้ายได้ เนื่องจากความแยบยลของคนร้ายปลอมเป็นสาวสอง แมวมองขั้นเทพหานางแบบ นักร้อง นักแสดง เข้าขั้น “ไร้เงา” ซ้ำร้ายยังทวีความแยบยลในการใช้จิตวิทยาลวงเหยื่อไปก่อเหตุ และที่สร้างความพิศวงกับเจ้าหน้าที่ที่สุดคือ เหยื่อทุกรายต่างไม่ทราบว่าคนร้ายคือใคร ไม่ทราบข้อมูลใดๆของคนร้ายเลยเพียงสักนิดเดียว จำได้เพียงใบหน้าและการกระทำอันชั่วร้ายที่ยังตราตรึงในใจเหยื่อ ทำให้เจ้าหน้าที่สืบสวนติดตามได้อย่างยากลำบาก โดยเบาะแสเบื้องต้นมีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 30 ราย แต่ส่วนใหญ่จะไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย และส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบว่าคนร้ายมีชื่อนามสกุลจริงใด พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. วิเคราะห์คนร้ายรายนี้แล้วไม่ใช่อาชญากรทั่วไปได้รายงานให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ทราบ ผู้การจ๋อจึงจัดทีมสืบสวนมือดี แกะรอยจนพบ “ลายเซ็น” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ เจ๊เล็ก โดยมี “แผนประทุษกรรม” ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 66 ได้ลงมือล่อลวงหญิงสาวรายหนึ่งโดยล่อลวงจากที่ห้างชื่อดัง ย่านลาดพร้าว โดยอ้างว่าตนเองชื่อ “บัว” และอ้างว่าเป็น “หุ้นส่วนของห้างดังกล่าว ” และเป็นโมเดลลิ่งแมวมองหานางแบบมาถ่ายแบบ ก่อนใช้จิตวิทยาพาไปที่ลับตาภายในห้างขอดูสัดส่วนแบบวับๆแวมๆ เมื่อเห็นเหยื่อหลงเชื่อและยินยอม ก็ออกอุบายต่อว่าจะขอดูห้องพักของเหยื่อ “เพื่อประเมินสภาพแวดล้อมของตัวนางแบบ” ด้วยลักษณะท่าทางและการพูดเชิงจิตวิทยาทำให้เหยื่อเชื่อว่าคนร้ายเป็นคนในวงการบันเทิงจริงๆ และทางกายภาพเป็นสาวประเภท 2 ทำให้เหยื่อหลงเชื่อพาคนร้ายเดินทางไปที่ห้องพัก เมื่อเข้าห้องกับเหยื่อ สลับคราบสาว2 แปลงกายเป็น “ชายโฉด” ลงมือข่มขืนเหยื่อแต่ไม่สำเร็จ แล้วหลบหนีไป โดยจัดทีมพ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ กับพวกกระจายกำลังแฝงตัวตามห้างดังในพื้นที่ จ.กรุงเทพฯ เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ที่ลงพื้นที่แฝงตัวได้พบกับชายต้องสงสัยรายหนึ่ง มีพฤติกรรมใกล้เคียงกับแผนประทุษกรรมของคนร้าย คือนั่งมองเหล่าเด็กผู้หญิง และบางครั้งมีการเข้าไปพูดคุยทั้งที่ไม่ได้รู้จักกัน สะกิดสัญชาตญาณนักสืบแอบติดตามชายต้องสงสัยคนดังกล่าวไปจนทราบว่า คืออาชญากรต่อเนื่องผู้เลื่องชื่อที่ถูกจับกุมไปเมื่อปี 2553 และ 2558 คือ “นายสนธิชัย อยู่สุภาพ หรือเจ๊เล็ก” โดยสมัยนั้นถูกจับกุมในข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราฯ” และสารภาพไว้กับชุดจับกุมในสมัยปี 2558 ว่า “ก่อเหตุลักษณะนี้ 14 คดี ยอมรับว่าทั้งชีวิตทำมาแล้ว 100 กว่าราย มีทั้งข้าราชการ ผู้บริหารบริษัทดังใหญ่ๆ และนักศึกษาระดับปริญญาตรี ปริญญาโท ที่มีเงินโดยจะใช้เวลาพูดคุยหว่านล้อมรายละ 2 นาที” โดยการจับกุมในปี 2558 นั้นคนร้ายรายนี้ได้รับโทษและพึ่งพ้นโทษออกมาแล้วเมื่อ 20 พ.ค. 65 แต่ก็ไม่ได้กลับตัวกลับใจแต่อย่างใด ยังมั่นคงในเส้นทางสายเดิม ตระเวนลงมือก่อเหตุข่มขืนเหยื่อเช่นเดิม พล.ต.ต.ธีรเดชฯ ย้อนขุดประวัติรากลึกคนร้าย ตั้งแต่ ปี 2535- 2552 เจ๊เล็กเปลี่ยนงานมาแล้วประมาณ 15 ที่ ทำมาตั้งแต่ ก่อสร้าง คนขับรถขนส่ง โรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ เครื่องจักร บริษัทที่ปรึกษา จัดหางาน รปภ. งานติดตั้งผ้าม่านและแต่ละที่ส่วนใหญ่จะทำงาน ไม่เกิน 1-5 เดือน ก็เปลี่ยนงานใหม่ ส่วนใหญ่จะวนเวียนหางานเปลี่ยนไปเรื่อยแต่ในพื้นที่ กทม. ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง กระทั่ง พ.ศ.2552 ได้เริ่มเข้ามารู้จักในคนแวดวงการบันเทิงและ “ผุดไอเดียวิปริต” หลอกข่มขืนเหยื่อหญิงสาวผู้ที่อยากเข้าวงการบันเทิง
ต่อมา พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ให้สายลับสาวตกเบ็ด นายสนธิชัย หรือเจ๊เล็ก” ย้อนเกล็ดส่งเจ้าหน้าที่แฝงตัวเป็นหญิงสาวเดินตามห้างดัง ในกรุงเทพ จนกระทั่งพล.ต.ต.ธีรเดชฯ งัดทุกกระบวนท่าของการสืบสวนจนติดตามจับกุมได้ในที่สุด
โดยจับกุมได้ที่ ห้องพักไม่มีเลขที่ ชุมชนริมทางรถไฟสายแปดริ้ว แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต กรุงเทพ เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 8 ก.ค. 66 อยู่กับหญิงสาวรายหนึ่ง
ในชั้นจับกุม นายสนธิชัย อยู่สุภาพ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าต้องมีกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐาน และสาวๆยินยอมพร้อมใจเอง เมื่อธุรกิจไม่สำเร็จจึงถูกแจ้งความ หลังจากจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้นำตัว ส่งที่ สน.บางซื่อ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “แผนประทุษกรรมคนร้ายจะใช้ “วันเสาร์-อาทิตย์” สรรหาเหยื่อตามห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆที่เดินทางไป และคัดเลือกเหยื่อที่เป็นหญิงสาววัยรุ่น หน้าตาดี “ที่มีความใฝ่ฝันจะเป็นนางแบบ หรือดารานักแสดง” จากนั้นจะเข้าตีสนิทโดย “แสร้งเป็นสาวประเภท2” และใช้ตัวตนปลอมโดยอ้างว่าตนเองเป็นโมเดลลิ่งสามารถพาเข้าวงการบันเทิงได้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะถูกพาเข้าโรงแรมโดยจะอ้างว่าไปเพื่อ “ดูรูปร่างสัดส่วน” หรือการ “แคสติ้ง” ซึ่งความเป็นจริงเมื่อไปถึงที่โรงแรมก็จะลงมือข่มขืนเหยื่อ และเหยื่อเกือบทั้งหมดไม่กล้าแจ้งความ หรือ ไม่ทราบชื่อว่าคนร้ายเป็นผู้ใด
ผมไม่ต้องการให้คนแบบนี้เพ่นพ่านในสังคม และต้องการให้เหล่าหญิงสาวที่เคยตกเป็นเหยื่อได้รับความยุติธรรม จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้เคยตกเป็นเหยื่อโปรดแจ้งข้อมูลมาที่เพจ “สืบนครบาล IDMB” เรามีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์แต่หากเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.”