พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 ว่า พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 นำกำลังจับกุม น.ส.ดลฤดี ผู้ต้องหา ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง , นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา”
ทั้งนี้ พฤติกรรมของ น.ส.ดลฤดี คนร้ายรายนี้จะติดตามเพจเฟซบุ๊กร้านทองต่าง ๆ และแฝงตัวขณะมีไลฟ์สดขายทองและมีการจัดโปรโมชัน ให้ลูกค้าที่สนใจโอนเงินค่าทองภายในระยะเวลาที่กำหนด โดย น.ส.ดลฤดี ที่แฝงตัวติดตามการไลฟ์สดดังกล่าว จะติดต่อลูกค้าที่ซื้อทองในไลฟ์สด แล้วหลอกให้โอนเงินเข้าบัญชีที่เตรียมไว้ โดย น.ส.ดลฤดี มักจะชักชวนหลอกลวงให้คนใกล้ชิดเปิดบัญชีธนาคารให้ เพื่อใช้เป็นบัญชีม้า แล้วนำไปรับโอนเงิน จากการตรวจสอบพบมีผู้เสียหายจำนวนมาก
ต่อมาตำรวจไซเบอร์ กก.1 สอท.3 สืบสวนทราบว่าคนร้ายคือ น.ส.ดลฤดี หลบหนีไปอยู่ในพื้นที่ จ.ระยอง พ.ต.อ.อภิรักษ์ ฯ จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ประภาส ถ้ำเหม รอง ผกก.1 บก.สอท.3 , พ.ต.ท.สิงหราช พิมพะกร สว.กก.1 บก.สอท.3 และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ติดตามไปจับกุมตัวได้เมื่อวานที่ผ่านมา (11 ก.ค.66) หน้าบ้านพัก หมู่ 1 ต.ละหาร อ.ปลวกแดง จ.ระยอง และนำตัวนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองเพชรบุรี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.ดลฤดี ก่อเหตุลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2560 และพบมีหมายจับอื่น ๆ ติดตัวอีกจำนวน 5 หมายจับด้วยกัน คือ หมายจับ สภ.บางแก้ว ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน” , หมายจับ สภ.วัฒนานคร ศาลจังหวัดสระแก้ว ข้อหา “ฉ้อโกง” , หมายจับ สภ.เมืองพิษณุโลก ศาลจังหวัดพิษณุโลก ข้อหา “ฉ้อโกงประชาชน และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์” , หมายจับ สภ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช ศาลจังหวัดทุ่งสง ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น” และหมายจับ สภ.เมืองเพชรบุรี ศาลจังหวัดเพชรบุรี ข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น”
พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ ฯ กล่าวว่า ขอฝากเตือนไปยังพี่น้องประชาชนระมัดระวังการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพลักษณะดังกล่าว โดยหากเป็นเจ้าของเพจขายสินค้าออนไลน์ ควรเน้นย้ำลูกค้าให้ตรวจสอบชื่อและหมายเลขบัญชีของร้านค้าก่อนโอนเงิน ต้องมีชื่อบัญชีตรงกับที่แจ้งไว้ในเพจเท่านั้น ส่วนกรณีเป็นลูกค้า ในการซื้อสินค้าโดยเฉพาะสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น ทอง เป็นต้น ต้องมีความรอบคอบและระมัดระวังในการโอนเงินชำระค่าสินค้า ไม่รีบโอน โดยต้องตรวจสอบว่าชื่อบัญชีตรงกับบัญชีที่แสดงในเพจร้านจริงหรือไม่ ตามหลักการ “ไม่เชื่อ ไม่รีบ ไม่โอน” ของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของโจรออนไลน์
ทั้งนี้ หากประชาชนเป็นผู้เสียหายสามารถแจ้งได้ที่สายด่วน บช.สอท.1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ www.thaipoliceonline.com