ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. (PCT) ให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดทุกรูปแบบซึ่งสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดย ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.
ได้รับแจ้งเบาะแสติดตามจับกุมแอปเปิ้ล จังหาร แผนประทุษกรรมสุดอึ้ง ยัดเยียดความผิดให้ผู้บริสุทธิ์ ตนเองลอยนวล โดยทำทีมีพฤติกรรมเปิดร้านค้าขายกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านช่องทางอินสตราแกรม และเพจเฟซบุ๊ก เมื่อเหยื่อติดต่อขอซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม คนร้ายจะส่งเลขที่บัญชีธนาคารของร้านค้าอื่น (ซึ่งเป็นอีกกลุ่มผู้เสียหาย) เช่น ร้านเสริมสวย เครื่องสำอาง หรือ พวงมาลัยเงินสด จากนั้นเมื่อเหยื่อโอนเงินไปให้บัญชีร้านค้านั้นๆ แล้ว คนร้ายจะขอสลิปโอนเงินแล้วนำไปส่งให้ร้านค้า โดยแจ้งกับร้านค้าว่า พี่สาว หรือ พี่ชาย ของตน เป็นคนโอนเงินไปให้แล้ว เมื่อร้านค้าได้เงินเสร็จเรียบร้อยก็จัดส่งสินค้าให้คนร้าย โดยเหยื่อกลุ่มที่โอนเงินเพื่อสั่งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่ได้รับสินค้าจากคนร้ายและโดนบล็อคช่องทางการติดต่อ จึงเข้าใจว่าบัญชีธนาคารของร้านค้าที่คนร้ายส่งให้ (กลุ่มที่คนร้ายซื้อหรือใช้บริการ) นั้นเป็นบัญชีคนร้าย จึงได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีร้านค้า สร้างความเสียหาย 2 ล้านบาท และประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง , พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี , พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์ , พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฎศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. และชุด PCT5 ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม
นางสาวสุนันทา หรือแอปเปิ้ล คำมูลทา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34 หมู่ 8 ตำบลจังหาร อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จำนวน 3 หมายจับ ดังนี้
1) หมายจับศาลจังหวัดชลบุรี ที่ จ.94/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ” ฉ้อโกงโดยได้กระทำด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน ” (สภ.แสนสุข ภ.จว.ชลบุรี)
2) หมายจับศาลจังหวัดนครปฐม ที่ จ.146/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ” ฉ้อโกงประชาชนแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน และโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ” (สภ.บางเลน ภ.จว.นครปฐม)
3) หมายจับศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ 103/2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ” โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญาและฉ้อโกงผู้อื่น ” (สภ.วังน้อย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา)
พฤติการณ์กล่าวคือ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. มอบนโยบายให้ปราบปรามกลุ่มเครือข่ายองค์กรอาชญากรรม ที่กระทำความผิดทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ร่วมกับชุด PCT5 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ตลอดจนสืบมวลชนที่เผยแพร่ข่าวให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัวนางสาวสุนันทา หรือแอปเปิ้ล คำมูลทา ซี่งมีพฤติการณ์หลอกเหยื่อให้โอนเงิน โดยทำทีเปิดร้านค้าขายกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านช่องทางอินสตราแกรม และเพจเฟซบุ๊ก เมื่อเหยื่อติดต่อขอซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม คนร้ายจะส่งเลขที่บัญชีธนาคารของร้านค้าอื่น (ซึ่งเป็นอีกกลุ่มผู้เสียหาย) เช่น ร้านเสริมสวย เครื่องสำอาง หรือ พวงมาลัยเงินสด ที่คนร้ายต้องการซื้อหรือใช้บริการนั้นไปให้เหยื่อกลุ่มที่ต้องการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม จากนั้นเมื่อเหยื่อโอนเงินไปให้บัญชีร้านค้านั้นๆ แล้ว คนร้ายจะขอสลิปโอนเงินแล้วนำไปส่งให้ร้านค้า โดยแจ้งกับร้านค้าว่า พี่สาว หรือ พี่ชาย ของตน เป็นคนโอนเงินไปให้แล้ว เมื่อร้านค้าได้เงินเสร็จเรียบร้อยก็จัดส่งสินค้าให้คนร้าย โดยเหยื่อกลุ่มที่โอนเงินเพื่อสั่งซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่ได้รับสินค้าจากคนร้ายและโดนบล็อคช่องทางการติดต่อ จึงเข้าใจว่าบัญชีธนาคารของร้านค้าที่คนร้ายส่งให้ (กลุ่มที่คนร้ายซื้อหรือใช้บริการ) นั้นเป็นบัญชีคนร้าย จึงได้ไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของบัญชีร้านค้า เป็นเหตุให้มีกลุ่มผู้เสียหายเกิดขึ้น 2 กลุ่ม เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับคดีติดต่อไปทางเจ้าของบัญชีปลายทางที่เป็นกลุ่มที่คนร้ายต้องการซื้อหรือใช้บริการ จึงทราบเรื่องว่าโดนเอาหมายเลขบัญชีไปใช้หลอกให้ลูกค้าโอนเงิน จึงเกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงต่อทางร้าน ทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่าเป็นบัญชีคนโกง ซึ่งกรรมวิธีนี้คนร้ายจงใจ “สับขาหลอก” เพื่ออำพลางมิให้เจ้าหน้าที่สืบสาวถึงตนเองได้ ด้วยความ “ฉลาดแกมโกง” ของมิจฉาชีพรายนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. / หน.PCT5 เล็งเห็นถึงความอันตรายของคนร้ายรายนี้ เพราะไม่เพียงแต่หลอกลวงทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน แต่ยังทำให้ผู้บริสุทธิ์คนอื่นๆต้องรับเคราะห์กรรมที่ไม่ได้ก่อไปด้วย ส่ง พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ พร้อมทีมสืบสวนชุดสืบนครบาล และ PCT5 ลงพื้นที่สืบสวนเป็นเวลาหลายวันกระทั่ง วันที่ 12 กรกฎาคม 2566 เวลาประมาณ 19.15 น. สามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณกลางซอยเอกชัย 47 แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร
ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยรับว่า “ตนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เดิมทีประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าแฟชั่นตามงานกาชาดประจำปีตามจังหวัดต่างๆ ต่อมาเมื่อมีสถานการณ์โควิดระบาดจึงเปลี่ยนมาประกอบอาชีพขายอาหารอีสานในพื้นที่จังหวัดยโสธร ก่อนจะหันมาเปิดรับพรีออเดอร์กระเป๋าแบรนด์เนมยี่ห้อ Longchamp KARREN , รองเท้า ยี่ห้อ NIKE , ADIDAS , NEWBALANCE , VANS สินค้า IT อื่นๆ เช่น โทรศัพท์ ไอโฟน ผ่านอินสตาแกรม ในชื่อร้าน hherbrandname , jannbrandname , nunebrandname , nn.umim , brandnamenoonn , brandnamebynoonn , nnoonshopz , Hiwtamhang , bynnoonn , nncrabhiw , nc.hiw แต่เนื่องจากประสบปัญหาทางการเงิน หมุนเงินไม่ทันใช้จ่ายในครอบครัว จึงนำเงินที่ได้จากลูกค้าที่พรีออเด้อมาใช้ก่อนในช่วง 1 ปี แรก ต่อมาช่วงปีที่ 2 ที่ก่อเหตุ จึงคิดวิธีการเพื่อที่จะไม่ใช้บัญชีธนาคารของตนรับเงินจากลูกค้าโดยตรง คือ เมื่อมีลูกค้าสั่งกระเป๋า รองเท้า อุปกรณ์ IT ตนจะส่งเลขที่บัญชีธนาคารของร้านค้าอื่นที่ตนจะใช้บริการ หรือสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้เช่นกัน เช่น ร้านเสริมสวย ร้านเครื่องสำอางค์ ร้านพวงมาลัยเงินสด ไปให้เหยื่อกลุ่มที่ต้องการซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม รองเท้า อุปกรณ์ IT โอนเงิน จากนั้นเมื่อเหยื่อโอนเงินไปให้บัญชีร้านค้านั้นๆ แล้ว ตนจะขอสลิปโอนเงินนั้นแล้วนำไปส่งให้ร้านค้าที่ตนใช้บริการและแจ้งร้านค้านั้นว่า พี่สาว หรือ พี่ชาย ของตน เป็นคนโอนเงินไปให้แล้ว เมื่อร้านค้าได้เงินเสร็จเรียบร้อยก็จัดส่งสินค้าให้ตน และตนก็จะทำการบล็อคช่องทางติดต่อกับลูกค้าที่สั่งซื้อกระเป๋าแบนด์เนม รองเท้า อุปกรณ์ IT ที่ผ่านมาก่อเหตุมาตั้งแต่ปี 2564 มูลค่าความเสียหายต่อราย รายละ 6,000 – 8,000 บาท มีลูกค้าหลงเชื่อสัปดาห์ละ 3 – 4 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2,000,000 บาท”
หลังเสร็จสิ้นการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข ภ.จว.ชลบุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และประสานให้พนักงานสอบสวน สภ.บางเลน ภ.จว.นครปฐม และ สภ.วังน้อย ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา อายัดตัวเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวแจ้งเตือนภัยไปยังพี่น้องประชาชนว่าในสังคมปัจจุบัน มิจฉาชีพมีเล่เหลี่ยมกลโกงมากมายหลายรูปแบบ ขอให้ประชาชนได้โปรดใช้สติในการใช้ชีวิตในสังคม อย่างหลงเชื่อกลโกงต่างๆ ของมิจฉาชีพซึ่งมีอยู่มากมาย อย่างเห็นแต่สินค้าที่มีราคาถูกกว่าราคาตามท้องตลาดที่ควรจะเป็น ควรมีสติวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม กลโกง หากไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่าบุคคลที่เข้ามาเสนอผลประโยชน์ นั้นจะเป็นมิจฉาชีพ หรือไม่ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ หรือแจ้งเบาะแสการกระทำความผิด มายังเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม. แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มาก แต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.