วันศุกร์, กันยายน 27, 2024
หน้าแรกไม่มีหมวดหมู่ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดยุทธการ ทลายกลโกง หลอกเหยื่อร่วมลงทุน

Related Posts

ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) เปิดยุทธการ ทลายกลโกง หลอกเหยื่อร่วมลงทุน

กองบัญชาการตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม ทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.พัฒนา ฉายาวัฒน์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.ทัศภูมิ จารุปรัชญ์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.อภิชน เจริญผล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วงศ์ปกรณ์ เปรมกุลนันท์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ป ปฏิบัติราชการ บก.ปอศ., พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.นนทพัทธ์ ยอดแก้ว รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ภาสกร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ณธัชพงศ์ สินสิริยานนท์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ชวลิต น้ําใจสัตย์ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.จํานาญ จันทร์เทศ รอง ผกก.4 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นําโดย พ.ต.อ.ธีรภาส ยั่งยืน ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.อ.วีระพงษ์ คล้ายทอง ผกก.4 บก.ปอศ. พร้อมกําลังเจ้าหน้าที่ตํารวจสังกัด กก.3,4 บก.ปอศ.
ร่วมกันจับกุม


1) นายกิตติพลฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2323/2566ลง20ก.ค.66
2) นางสาวพณัตศศิตาฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2333/2566ลง20ก.ค.66
3) นางสาวกานดานิรัตน์ฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2325/2566ลง20ก.ค.66
4) นางสาวอรุณีฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2324/2566ลง20ก.ค.66
5) นางศรีพรรณาฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2328/2566ลง20ก.ค.66
6) นายสุชาติฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2330/2566ลง20ก.ค.66
7) นางสาวสิชลาฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2327/2566ลง20ก.ค.66
8) นางสาวเดือนรุ่งฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2334/2566ลง20ก.ค.66
9) นางสาววนิดาฯผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่2335/2566ลง20ก.ค.66
10) นายอนุวัตรฯ ผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลอาญาที่ 2337/2566 ลง 20 ก.ค. 66
โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน”
พฤติการณ์ เนื่องจาก ได้มีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ต่อ กองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรม ทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ว่าถูกบุคคลทําการชักชวนและหลอกลวงให้ลงทุนร่วมเทรดหุ้นได้รับผลตอบแทนสูงผ่านทางช่องทาง เฟซบุ๊ก โดยแอบอ้างเป็นบริษัทชื่อดังที่ประกอบกิจการเกี่ยวกับให้คําปรึกษาและจัดการลงทุนให้แก่ลูกค้า ในคดีนี้ผู้ต้องหาใช้ วิธีการหลอกเหยื่อโดยให้เหยื่อทดลองเทรดด้วยเงินจํานวนไม่มาก ในช่วงแรกสามารถถอนเงินได้กําไรจริง เพื่อหลอกให้เหยื่อ ตายใจ จนกระทั่งเหยื่อเพิ่มเงินลงทุนจํานวนมากขึ้นและประสงค์ทําการถอนเงินพร้อมกําไร ปรากฎว่าไม่สามารถถอนเงินได้ โดย กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้กลอุบายว่า ต้องทําการโอนเงินเพิ่มถึงสามารถถอนเงินได้ ทําให้ผู้เสียหายโอนเงินเพิ่มเข้าไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง สุดท้ายได้รับความเสียหายเป็นจํานวนเงินกว่า 4,000,000 บาท

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ทําการสืบสวนหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินและความสัมพันธ์เส้นทางการเงิน เบื้องต้นพบว่ากลุ่มคนร้ายมีการโอนเงินต่อไปเรื่อยๆหลายชั้นและรวดเร็วมากเพื่อให้ยากต่อการติดตามเส้นทางการเงิน โดยจากการ ตรวจสอบพบมีบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องจํานวน 18 บัญชี มีเงินหมุนรวมกว่า 800 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงรวบรวม พยานหลักฐานพบผู้ต้องหาที่มีส่วนร่วมในการกระทําความผิดจํานวน 16 ราย มีลักษณะเป็นกลุ่มขบวนการเพื่อหลอกลวงและ เมื่อตรวจสอบยังพบว่ากลุ่มผู้ต้องหาแต่ละรายมีหมายจับในข้อหาเดียวกันอีกเป็นจํานวนมากและยังหลบหนีอยู่อีกด้วย
ต่อมาวันที่ 21-24 ก.ย.66 เจ้าหน้าที่ตํารวจสอบสวนกลาง จึงได้สนธิกําลัง “เปิดยุทธการ ทลายกลโกง หลอกเหยื่อร่วม ลงทุน” เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหา ในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ, สุพรรณบุรี, อุทัยธานี, นครสวรรค์, กระบี่ จนกระทั่ง สามารถจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการดังกล่าวได้ทั้งสิ้น จํานวน 10 ราย ส่วนเป้าหมายที่เหลือเจ้าหน้าที่ตํารวจจึงเข้าทําการติดตาม จับกุมผู้ต้องหา เพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ตํารวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอฝากเตือนให้พี่น้องประชาชนทุกคน ให้รู้เท่าทันถึงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยุคนี้ ประชาชนเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น ทําให้กลุ่มผู้ต้องหาเห็นช่องทางในการหลอกลวงเพิ่มมากขึ้นโดยใช้ค่าตอบแทนที่เป็น จํานวนสูงเกินจริงและประกาศลงสื่อโซเชียลต่างๆ โดยอ้างถึงแหล่งที่มาที่มีความน่าเชื่อถือ จนประชาชนจํานวนมากหลงเชื่อ หลวมตัวเข้าไปทดลองตามที่กลุ่มคนร้ายหลอกลวง บางรายหมดเนื้อหมดตัวหรือต้องกู้หนี้ยืมสินมาลงเพื่อหวังผลตอบแทนที่เป็น จํานวนมาก ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปถึงผู้ที่รับเปิดบัญชีม้า ไม่ว่าจะเป็นกรณีกลุ่มอาชญากรขอซื้อบัญชีให้ไปใช้ หรือถูกชักชวนให้มีการเปิด บัญชี เพื่อแลกกับเงินค่าตอบแทนเพียงน้อยนิด ท่านอาจจะถูกดําเนินคดีในฐานะเป็นตัวการร่วม หรือผู้สนับสนุนกระทําความผิด โดยแต่ละ คดีก็จะเป็นความผิดต่างกรรมกันทําให้กลุ่มผู้ต้องหาแต่ละรายจะมีหมายจับเป็นจํานวนมากไม่สิ้นสุด ในข้อหา“ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดง ตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จในประการที่น่าจะ เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” มีอัตราโทษตั้งแต่ 6 เดือน -7 ปี ปรับ 10,000 – 140,000 บาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

spot_img

Latest Posts