ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบ ที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมาก โดยชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล IDMB ได้ตรวจพบการกระทำความผิดของ น.ส.ชิชา ถนนจันทน์ แสบหลอกปลอมคุณวุฒิการศึกษา จากมหาลัยย่านบางเขน ป.ตรี และป.โท และโกหกว่าเรียนจบ เมลเบิร์น ออสเตรเลีย เพื่อนำไปสมัครงานในบริษัทใหญ่ ตำแหน่งหน้าที่ระดับสูงที่เกี่ยวกับการเงิน ต่อมาได้ลักขโมยทรัพย์สินของบริษัทไป เสียหายกว่า 6 ล้านบาท สร้างภาพในโลกโซเชียลให้ดูหรูหรา ไฮโซ ใช้ของแบรนด์เนม ไปเที่ยวที่ต่างๆ พบมีประวัติหลอกขายของออนไลน์อีก ตรวจสอบไม่เคยผ่าน ตม. สักครั้งเลยในชีวิต
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น.,พ.ต.ท.ยิ่งยศ ลีชัยอนันต์,พ.ต.ท.พัชรพงษ์ กาญจนวัฏศรี รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. ได้สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส. นำโดย พ.ต.ท.ทศรัสมิ์ กิติธารา สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. , ร.ต.อ.ธนพล มโนษร รอง สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.วิเคราะห์ข่าวฯ ชุดปฎิบัติการที่ 4ได้ร่วมกันจับกุมตัวนางสาวชิชา ชัยสิทธิ์ อายุ 37 ปี ที่อยู่ 44 ซ.จันทร์ 45 แยก 4 แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.782/2559 ลงวันที่ 14 ธันวาคม 2559
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน
“ ทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่นใรประการที่น่าจะเกิดความเสียแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, ลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง, ปลอมตั๋วเงินตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 266, ใช้หรืออ้างเอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 226 ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ”
พฤติการณ์การจับกุม สืบเนื่องมาจาก น.ส.ชิชาฯ (ผู้ต้องหา) ได้มีการก่อเหตุลักทรัพย์ในขณะที่ตนเองมีตำแหน่งระดับสูงในบริษัทของผู้เสียหาย โดยได้มีการลักทรัพย์จากบริษัทของผู้เสียหายซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท ซึ่งจากการสืบสวนประวัติย้อนหลังพบว่า น.ส.ชิชาฯ (ผู้ต้องหา) มีประวัติในการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ (คุณวุฒิ) เพื่อนำไปใช้ในการสมัครงานในตำแหน่งที่ดีของหลายๆบริษัทที่ผู้ต้องหาเคยทำงานมา และยังตรวจสอบพบข้อมูลใน blacklistseller ในการหลอกขายสินค้าออนไลน์ หลังจากก่อเหตุก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ของตนเองจำนวน 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบข้อมูลทางโซเชียลมีเดีย IG พบว่า ได้มีการแต่งโปรไฟล์ของตนเองว่ามีการจบจากเมืองนอก เรียนจบสูง ใช้ของแบรนด์เนม ถ่ายรูปในสถานที่ที่หรูหร่า เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือของตนเอง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ทำการสืบสวนหาข้อมูลของ น.ส.ชิชาฯ จนสืบทราบว่า น.ส.ชิชาฯ ได้มีการหลบหนีการจับกุมโดยได้มีการย้ายที่อยู่หลายที่มานานกว่า 6 ปี จนทราบว่าผู้ต้องหาได้มีการมาพักอาศัยอยู่ที่ภายในซอยประวิทย์และเพื่อน 4 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ จากนั้นเจ้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้มีการเฝ้าติดตามบริเวณดังกล่าว จนพบ นางสาวชิชาฯ อยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 23 ซอยประวิทย์และเพื่อน 4 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายจับให้ นางสาวชิชาฯ ดูและอ่านจนเป็นที่เข้าใจดีแล้ว นางสาวชิชาฯ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและสิทธิตามกฎหมาย ให้ นางสาวชิชาฯ ทราบและดำเนินการจับกุมตามกฎหมาย จากนั้นจึงได้นำตัว นางสาวชิชาฯ มาจัดทำบันทึกการจับกุมที่ ห้องปฏิบัติการสอบสวน สน.ยานนาวา และนำส่ง สน.ยานนาวา ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อความหา ปัจจุบันไม่ได้ประกอบอาชีพอะไร บอกว่าเขียนงานวิจัยขาย ส่วนเงินที่ได้มาจากการขโมยนั้น เอามาแบ่ง 3 คน คนแรก เสียชีวิต คนที่ 2 ตัวผู้ต้องหา คนที่ 3 เป็นพนักงานส่งเอกสาร แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปปักใจเชื่อแต่อย่างใด สถานที่จับกุม หน้าบ้านเลขที่ 23 ซอยประวิทย์และเพื่อน 4 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ จากนั้นได้ควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่ง สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า ภัยในโลกออนไลน์ มิจฉาชีพสร้างโปร์ไฟล์หรู จบต่างประเทศ ใช้แบรนด์ เพื่อหลอกลวงประชาชนที่ชื่นชมเล่นโซเชี่ยล ระวังตกเป็นเหยื่อ สืบนครบาลจัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายที่เป็นภัยต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทุกประเภท ซึ่งมีผลกระทบกับการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล