วันนี้ ( 31 ส.ค.) ศาลปกครองกลางพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 ลงวันที่ 25 มิ.ย. 2564 เรื่องให้นายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา พ้นจากตำแหน่งในวาระการดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่่ 4 ส.ค 2556 ถึงวันที่ 27 มิ.ย 2562 กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีมติว่านายนิพนธ์ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีละเว้นไม่มอบอำนาจให้ผู้ขายเป็นตัวแทนในการจดทะเบียนรถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ ชนิด 10 ล้อ เครื่องยนต์ดีเซล จำนวน 2 คัน มูลค่า 51 ล้านบาท และไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่ารถทั้ง 2 คันให้แก่ผู้ขาย โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่มีคำสั่งดังกล่าว และให้คำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1528/2564 มีผลต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ตามที่นายนิพนธ์ได้ยื่นฟ้อง ป.ป.ช. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่ามีคำสั่งชี้มูลความผิด และให้ออกจากตำแหน่ง นายก อบจ.สงขลาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลให้เหตุผลว่า การที่ ป.ป.ช. มีมติ ว่านายนิพนธ์ ในฐานะนายก อบจ.สงขลา มีหน้าที่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาที่จะต้องอนุมัติเบิกจ่ายเงินให้บริษัท พลวิศว์ เทค พลัส จำกัด และไม่ปรากฎข้อเท็จจริงว่าเจ้าหน้าที่ อบจ.ผู้ใดเสนอความเห็นให้ผู้ฟ้องคดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถให้แก่บริษัท พลวิศว์เทค พลัส จำกัด หรือได้มีการยกเลิกสัญญาซื้อขายรถทั้ง 2 คันแต่อย่างใด แต่นายนิพนธ์กลับไม่อนุมัติเบิกจ่ายเงินค่าซื้อรถทั้ง 2 คัน จึงเป็นการตัดสินใจของผู้ฟ้องคดีโดยลำพัง การไม่เบิกจ่ายเงินให้บริษัท จึงเป็นการกระทำละเลยต่อหนาที่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงในชั้นไต่สวน ว่าการกระทำดังกล่าวของนายนิพนธ์เป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิชอบด้วยกฎหมายอันจะทำให้การกระทำของผู้ฟ้องคดีเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ จึงเป็นการชี้มูลความผิดฐานอื่นที่ไม่อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. และไม่ผูกพันรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจสั่งให้นายนิพนธ์พ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา
นอกจากนี้ยังปรากฎข้อเท็จจริงว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาไม่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน วิธีการและกระบวนการสอบสวนนายนิพนธ์ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่กลับอาศัยรายงาน เอกสาร และความเห็นของ ป.ป.ช. แล้วรายงานต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งต่อมาได้มีคำสั่งให้นายนิพนธ์พ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.สงขลา ตามฐานความผิดที่ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด จึงเป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการกระทำโดยไม่ถูกต้อง ตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น
