ตำรวจจับผิดตัวอีกแล้ว!
ทำหนุ่มติดคุกฟรี 80 วัน
ถูกเพื่อนอ้างชื่อ-ยืมบัตรเป็นหลักฐานประกันตัว
ต้องกลายเป็นแพะคดียาเสพติด
วิรุตม์ ซัด “กระบวนการยุติธรรมวิปริต”!
“…“แพะคดียา” ตำรวจจับผิดตัว ติดคุกฟรีอยู่ 80 วัน พ่อ-แม่ร้องเพจสายไหมต้องรอดช่วย เหตุเพื่อนโดนจับขับเสพแล้วอ้างชื่อบอกไม่ได้เอาบัตรมา แถมแม่เพื่อนยังไปขอร้องขอบัตรประชาชนมาใช้ประกันตัวแล้วหนีไม่ไปรายงานตัว พ.ต.อ.วิรุตม์ ซัด “กระบวนการยุติธรรมวิปริต”! ศาลออกหมายจับ “คนไม่ได้ทำผิด” มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? และไม่มีใครคิดแก้ไขเพื่อทำให้เกิดความยุติธรรมอย่างแท้จริงกันบ้างหรือ?…”
เมื่อเวลา 20.10 น. วันที่ 29 ส.ค.2566 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ พร้อมทีมงานเพจสายไหมต้องรอด และครอบครัวผู้เสียหาย เดินทางไปรับนายอนุชา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี อาชีพช่างแอร์ หลังศาลอาญารัชดามีคำสั่งปล่อยตัวเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ เนื่องจากตำรวจจับผิดตัว ติดคุกฟรีอยู่ 80 วัน ทันทีที่นายอนุชา พ้นหน้าประตูเเรือนจำได้โผกอดก้มลงกราบเท้าพ่อ-แม่ ก่อนกอดกันร่ำไห้ด้วยความดีใจ
นายเอกภพ กล่าวว่าคดีนี้เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา พ่อและแม่นายอนุชา มาร้องขอความเป็นธรรมกับเพจสายไหมต้องรอด ระบุลูกชายถูกตำรวจ บก.สปพ. หรือ 191 จับผิดตัวเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2566 ที่ร้านแอร์ ย่านมีนบุรี กทม. ตามหมายจับศาลอาญารัชดา ข้อหาไม่ไปรายงานตัวศาลตามที่กำหนดคดีเสพยาเสพติด แล้วถูกนำตัวส่ง สน.โคกคราม จากนั้นส่งฟ้องฝากขังศาลอาญารัชดา นำตัวไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ที่ผ่านมาพ่อแม่ยื่นขอประกันตัว 7 ครั้งแต่ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลผู้ต้องหาหลบหนีมานาน 3 ปีกลัวจะหลบหนีอีก ตนจึงประสาน พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.ประภาส แก้วฉีด ผกก.สน.โคกคราม เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างเร่งด่วน ต่อมาผบก.น.2 สั่งการให้ ผกก.สน.โคกคราม ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัว พร้อมรวมรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนนำไปขอเพิ่งถอนหมายจับต่อศาล และศาลสั่งปล่อยตัวในวันนี้
สำหรับผู้ต้องหาตัวจริง เป็นเพื่อนนายอนุชา อายุ 26 ปี วันเกิดเหตุ 23 ส.ค.2563 เพื่อนนายอนุชาขับรถเก๋งไม่ติดแผ่นป้าย ถูกตำรวจ 191 เรียกตรวจค้นแล้วพบพิรุธ เมื่อตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงจึงส่งตรวจหาสารเสพติด พบมีสารเสพติดประเภท 1 ในร่างกายจึงถูกแจ้งข้อหา แต่วันนั้นเพื่อนนายอนุชา อ้างไม่ได้นำบัตรประชาชนมา แล้วอ้างตัวเองชื่อนายอนุชา ถูกพิมพ์ลายนื้วมือ วันรุ่งขึ้นตำรวจนำตัวไปส่งฝากขังศาล
ทราบภายหลังว่าแม่ของผู้ต้องหาตัวจริง ไปขอบัตรประชาชนนายอนุชามาใช้เป็นหลักฐานประกันลูกชาย เมื่อศาลให้ประกันก็หลบหนีไม่ไปรายงานตัว ทำให้นายอนุชาถูกออกหมายจับตามหลักฐานบัตรประชาชนที่ถูกใช้นำไปประกันตัว จนกระทั่งพ่อแม่ไปร้องขอความช่วยเหลือจนนำมาสู่การตรวจสอบพบนายอนุชา ไม่ใช่ผู้ต้องหาตัวจริง นายประกันจึงขึ้นศาลเบิกความจนศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัว ส่วนผู้ต้องหาตัวจริงทราบว่าทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าเพื่อหลบหนี จากนี้จะไปดูเรื่องการเยียวยาที่กระทรวงยุติธรรม รวมถึงตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น
ด้าน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรอง ผบก.จเรตำรวจ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า
“กระบวนการยุติธรรมวิปริต”!
ศาลออกหมายจับ
“คนไม่ได้ทำผิด”
มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?
และไม่มีใครคิดแก้ไขเพื่อทำให้เกิดความยุติธรรมอย่างแท้จริงกันบ้างหรือ?
ปัญหาการจับ “แพะ”
เกิดจากอัยการไทยได้แต่ “อ่านนิยายสอบสวน” ของตำรวจ ‘สั่งคดี’
โดยไม่มีโอกาสเห็นพยานหลักฐานและสถานที่เกิดเหตุ ต่างไปจากอัยการในประเทศที่เจริญทั่วโลก ไม่มีโอกาสแม้แต่การได้ “พบหน้าผู้ต้องหา” ก่อนสั่งฟ้องคดี ทำให้ไม่มีโอกาสรู้ว่าความจริงเป็นไปตามสำนวนการสอบสวนของตำรวจหรือไม่?
ทั้งตำรวจและอัยการส่วนใหญ่ได้แต่คิดกันว่าตนทำหน้าที่ตามกฎหมายอย่างครบถ้วนแล้ว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องสุดวิสัยที่ไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้!
ปัญหาคือ จริงหรือไม่ที่ว่าไม่มีทางแก้ไขเพื่อป้องกันมิให้ศาล
“ออกหมายจับแพะ” เช่นมี่เกิดขึ้นมากมายในสังคมไทยปัจจุบัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้เสียหายสามารถฟ้องกลับตำรวจได้ไหม และผู้เสียหายสามารถเรียกค่าสินไหมชดเชยอย่างไรได้บ้าง
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า ฟ้องแพ่ง พงส.และ ตร.ได้แน่นอน ส่วนฟ้องอาญายาก เว้นแต่พิสูจน์เจตนาปฏิบัติมิชอบได้