นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ภายหลังนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปีเหลือเพียง 1 ปีไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้สังคมไทยให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวของ นช.ทักษิณหลังจากนี้ โดยเฉพาะการพูดกันอย่างหนาหูเกี่ยวกับการขอพักโทษ ซึ่งหานั้นจริงสังคมไทยจะกลายเป็นสังคมแห่งดับเบิลสแตนดาร์ดหรือ 2 มาตรฐานที่น่ารังเกียจที่ชัดเจนที่สุด
อย่างไรก็ตาม แม้ช่องทางการพักโทษจะมีอยู่ 2 ช่องทาง ตามขั้นตอน คือ 1. การรับโทษแล้ว 1 ใน 3 ซึ่งก็จะเข้าเงื่อนไขการเป็นนักโทษชั้นดี สามารถปรับขึ้นได้ตามปกติ หรือ ขึ้นเป็นในกรณีพิเศษ ซึ่งหากทำตามนี้ ก็จะไปครบในวันที่ 22 ธ.ค. ก็จะเลยวันที่ 13 ต.ค. เลยวันที่ 5 ธ.ค. ส่วนข้อที่ 2 คือ การพักโทษกรณีพิเศษ เช่น สูงวัยอายุเกิน 70 ปี หรือเป็นป่วยหนักมีโรคประจำตัว ก็อาจจะใช้ช่องทางนี้ แต่ถึงแม้จะใช้ช่องทางใด ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นการใช้อำนาจหรือดุลยพินิจหรือเลือกปฏิบัติโดยใช้กฎกระทรวงที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในสมัยที่นายสมศักดิ์ เทพสุทินเป็น รมว.ยุติธรรม เพราะมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม ม.77 ของรัฐธรรมนูญ 2560
ทั้งนี้ กฎกระทรวง กำหนดประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด และเงื่อนไขที่นักโทษเด็ดขาด ซึ่งได้รับการลดวันต้องโทษจำคุกหรือการพักการลงโทษและได้รับการปล่อยตัวต้องปฏิบัติ พ.ศ.2562 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 พ.ศ.2564 ที่ออกตามความ พรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ดังกล่าว น่าจะมีเจตนาที่จะออกมาเพื่อรองรับ นช.ทักษิณ เป็นการเฉพาะ ซึ่งทำให้ผู้ที่ผลักดันกฎกระทรวงดังกล่าวได้รับประโยชน์ถูกแต่งตั้งให้เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลเศรษฐา 1 ในขณะนี้
ด้วยเหตุดังกล่าว องค์กรรักชาติ รักแผ่นดินจึงได้ทำหนังสือด่วนถึงอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการราชทัณฑ์ เพื่อขอให้ทบทวนหรือยกเลิกกฎกระทรวงทั้ง 2 ฉบับ รวมทั้งหลักเกณฑ์การพิจารณาพักการลงโทษ พ.ศ.2562 ดังกล่าว ซึ่งอาจมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์เพียงเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนักโทษเทวดาบางคนที่ไม่ยอมเข้าคุกจริงๆตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งถือเป็นการออกกฎหมายที่มีลักษณะของการเลือกปฏิบัติหรือไม่ อย่างไร
ซึ่งในที่สุดกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรมจำจะต้องมีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ตาม พรบ.หลักเกณฑ์การประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ.2562 ตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด มีผลกระทบอื่นอันก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม แก่ประชาชน ญาตินักโทษ และหรือนักโทษอีกหลายแสนคนที่อาจต้องป่วยและถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำอยู่ในขณะนี้ ซึ่งในที่สุด นช.ทักษิณจะต้องไม่ถูกพักโทษไม่ว่ากรณีใด ๆ ไม่เช่นนั้นคงต้องพึงศาลปกครองต่อไป