วันที่ 6 ก.ย. ที่ อาคารพิทักษ์สันติ ชั้น 16 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บก.ปปป. ภายในอาคาร ประชาพิทักษ์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทั้งชั้น 15 และ 16 เวลานี้ถ้าใครไปติดต่อราชการจะเห็นความแปลกตาจากการตกแต่งสำนักงานใหม่ รวมทั้งห้องศูนย์ปราบ (โกง)ทุจริต ที่ผู้การเต่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล.เปิดเผยที่มาว่า หลังจากที่ บก.ปปป.ติดตามยึดเงินสดกว่า 70 ล้านบาท จากกลุ่มไวยาวัจกร วัดห้วยด้วน จ.นครสวรรค์ ถวายคืนพระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อพัฒน์ปุญญกาโม เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน เมื่อ พ.ย.64 ท่านเห็นความสำคัญของการปราบปรามการทุจริต ได้ให้ บก.ปปป.จำนวน 2 ล้านบาท ตนจึงนำเงินดังกล่าวมาพัฒนาปรับปรุงสำนักงาน ปปป.ใหม่ทั้งสองชั้น หมดเงินไปแล้วกว่า 2.4 ล้านบาท เกินงบฯ ที่หลวงพ่อฯ ให้มากว่า 3-4 แสนบาท
ด้านหน้าห้องศูนย์ปราบทุจริต มีจารึกชื่อหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม พร้อมกับคำพูดวาจาของท่านเอาไว้”ทีหลังมึงอย่าทำ” ตอนให้เงินมาท่านบอกว่าเอาคำนี้มาด้วยเพื่อเตือนสติคนที่คิดจะโกง เป็นคำบ้านๆ โดยมีรูปหล่อสัมฤทธิ์เต็มองค์ท่านมาด้วย เพื่อให้คนได้จำสิ่งนี้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีคนทุจริตเงินวัดไป ก่อนตำรวจ ปปป.ไปติดตามกลับมาคืนวัดได้
สำหรับห้องศูนย์ปราบทุจริตนี้ ลูกน้องที่เป็นทีมงานชื่อ “จีโน่”นายจิรายุส คุปตานนท์ เป็นคนออกแบบ โดยถอดแบบมาจากห้องของ FBI
เดี๋ยวตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะทำบุญเชิญ เลขา ป.ป.ช., ป.ป.ท., ป.ป.ง. มาร่วมทำพิธีเปิดศูนย์ฯ เร็วๆ นี้
หลังตรวจพบมีการยักย้ายถ่ายเทเงินของวัดเข้าบัญชีตัวเอง วันนี้ (23 พ.ย.2564) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตำรวจภูธรภาค 6 และฝ่ายปกครอง นำเงินสดจำนวนกว่า 63 ล้านบาท ถวายคืนพระราชมงคลวัชราจารย์ หรือ หลวงพ่อพัฒน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยด้วน ต.ธาทหาร อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ หลังยึดมาจากกลุ่มไวยาวัจกร และคนใกล้ชิดหลวงพ่อ คือ นายเสนาะ ทองปรอน, นางธัญญา เพชรสายบัว และนางบุญเชิด สุขจิตร ซึ่งทั้งสามคน ประกอบอาชีพเกษตรกร แต่กลับมีเงินไปเข้าบัญชีในชื่อตนเอง จำนวน 7 บัญชี รวมเป็นเงิน 63,034,470 บาท ทางตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบ จนทั้งสามคนรับว่า เงินทั้งหมดยักยอกมาจากหลวงพ่อ
สำหรับการดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 3 นั้น ทางตำรวจต้องส่งสำนวนการสอบสวนไปให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ เพื่อไต่สวนและวินิจฉัยว่า มีการกระทำผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือไม่ ตามมาตรา 63 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561ด้านนายต่อ สุขประเสริฐ ตัวแทนคณะลูกศิษย์และเป็นผู้ร้องเรียน ที่ได้เดินทางไปสังเกตุการณ์การถวายเงินคืนให้กับหลวงพ่อพัฒน์ ยอมรับไม่ติดใจในเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะหลวงพ่อได้เงินทั้งหมดคืนแล้ว ส่วนเรื่องดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องปล่อยให้เป้นเรื่องของตำรวจ ที่จำดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจกำลังเร่งสืบสวนหากมีใครเกี่ยวข้องจะถูกนำตัวมาดำเนินคดีทั้งหมด
