เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 7 กันยายน 2566 พ.ต.ท.สิทธิชัย โทนผุย สารวัตรเวรสอบสวน สภ.ศรีราชา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งจากนายเอกสิทธิ์ อ่ำฉ้อน สมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี เขต ศรีราชา ว่า มีรถจักรยานยนต์กำลังเลี้ยวขวาเข้าซอย พุ่งชนรถกระบะที่แซงขวามา จนเสียพลิกคว่ำร่างกระแทกกับพื้นได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดบนถนนสายอัสสัมชัญ – ชากค้อ หน้าร้านกิ่งแก้ว หมู่ 2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ให้มาทำการช่วยเหลือพร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชาเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ในที่เกิดเหตุพบนายเอกสิทธิ์ อ่ำฉ้อน สมาชิกสภาจังหวัดชลบุรี เขต ศรีราชา หรือ สจ.เอ็ม ให้การช่วยเหลือพร้อมกับประสานงาน โดยในที่เกิดเหตุ พบนายวุฒิชัย ยศตะโคตร อายุ 42 ปี ได้รับบาดเจ็บทางกระดูกที่หัวไหล่ขวาและมีบาดแผลถลอกตามร่างกาย ซึ่งเป็นคนขับ รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สกู๊ปปี้ สีดำส้ม หมายเลขทะเบียน 4กข 4588 กทม สภาพรถได้รับความเสียหาย ใกล้กันพบ เด็กชาย ศุภวิชญ์ ดีพิจารณ อายุ 14 ปี นักเรียนมัธยมปีที่ 2 โรงเรียนศรีราชา ได้รับบาดเจ็บถลอกตามร่างกายและมีเคล็ดขัดยอกที่แขนขวา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวทั้งสองส่งโรงพยาบาลวิภารามแหลมฉบัง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 20 เมตรพบรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ผน-5059 ชลบุรี สภาพด้านซ้ายมีรอยขูดด้านซ้ายของรถได้รับความเสียหาย โดยมีนายสมศักดิ์ คำปลิว อายุ 50 ปี เป็นคนขับ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน นายวุฒิชัย คนขี่รถจักรยานยนต์ ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปรับลูกที่โรงเรียนและขากลับได้ขี่รถมาตามเส้นทาง พอมาถึงที่เกิดเหตุได้มีรถกระบะขับแซงขวามาด้วยความเร็วขณะที่ตนกำลังจะเลี้ยวขวาเข้าซอย จนเป็นเหตุให้รถพุ่งชนรถกระบะอย่างจัง และรถของตนได้เสียหลักทั้งคนทั้งรถกระเด็นไปคนละทิศคนทางกระแทกกับพื้นจนได้รับบาดเจ็บตามดังกล่าว
จากการสอบถามนายสมศักดิ์ คนขับรถกระบะได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ตนได้ขับรถมุ่งหน้าไปทางชากค้อและขับแซงขวามองไม่เห็นรถจักรยานยนต์ที่กำลังเลี้ยว จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุดังกล่าว จากการสอบถามพลเมืองดี ที่ขับรถตามหลังรถกระบะและรถจักรยานยนต์ที่เกิดเหตุมานั้น ได้บันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐานในทางคดี และจากนั้นได้ควบคุมตัวคนขับรถกระบะไปทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แน่ชัดอีกครั้ง ก่อนดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป