กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พ.ต.อ.พัฒนศักดิ์ บุบผาสุวรรณ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. ,พ.ต.อ.ปทักข์ ขวัญนา ผกก.5 บก.ป, พ.ต.ท.พงษ์พิทักษ์ เหล็กชูชาติ, พ.ต.ท.ฤทธิชัย ชุมช่วย รอง ผกก.5 บก.ป.,พ.ต.ท.หัตถพร ทองคำ, พ.ต.ท.หัตถพล ทองคำ รอง ผกก.5 บก.ป.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.ธีระพงษ์ คงเขียว สว.กก.5บก.ป. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ชุดปฏิบัติการที่ 6 กก.5 บก.ป.
ได้ร่วมกันจับกุม นายเกรียงไกรฯ อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา ตามหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 200/2566 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2557 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พยายามฆ่าผู้อื่น หลบหนีไม่มารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา”
สถานที่จับกุม ลานจอดรถโรงแรมในอ่าวนาง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่
พฤติการณ์ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2547 เวลากลางคืน นายเกรียงไกรฯ ผู้ต้องหา กับพวกอีก 1 คน ได้ร่วมกันใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงคู่อริ จำนวน 2 นัด กระสุนปืนถูกนายธีระยุทธ์ฯ ที่บริเวณต้นขาซ้าย และกระสุนปืนถูกนายนิวัตรฯ ผู้เสียหาย ที่บริเวณด้านหลังกระสุนทะลุชายโครงด้านซ้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหตุเกิดที่ถนนสายเบญจม-บางปู ต.นาเคียน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช
มูลเหตุมาจากพวกของผู้ต้องหาไปติดพันผู้หญิงคนเดียวกับผู้เสียหาย ต่อมาได้มีการออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหา ได้วันที่ 30 ตุลาคม 2549 และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อต่อสู้คดีจนถึงศาลฎีกา ต่อมาช่วงต้นปี 2557 ผู้ต้องหาได้หลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งศาลมีคำพิพากษาจำคุก 22 ปี 2 เดือน 20 วัน เป็นเหตุให้ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกหมายประกาศสืบจับผู้ต้องหาอีกครั้งเพื่อนำตัวมารับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนทราบว่า นายเกรียงไกรฯ ได้หลบหนีไปพักอาศัยอยู่กับแฟนที่ จ.กระบี่ จึงวางแผนเข้าทำการจับกุมตัวไว้ได้ที่ ลานจอดรถโรงแรมแห่งหน่งที่ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ ก่อนนำตัวส่งศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การ ปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยยอมรับว่าได้ร่วมกับเพื่อน คือนายติ๊ก (ปัจจุบันเสียชีวิต) ทำร้ายร่างกายผู้เสียหายโดยชกต่อย และตีผู้เสียหาย ด้วยขวดเครื่องดื่มเกลือแร่เท่านั้น หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ได้แยกย้ายกันไป หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ผู้เสียหายถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยไม่ได้เป็นการกระทำของตนกับนายติ๊กฯ หลังถูกจับกุมดำเนินคดีได้ต่อสู้จนถึงชั้นศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายกฟ้อง แต่ตัวผู้ต้องหาไม่ทราบฝ่ายโจทก์ยื่นศาลฎีกา จึงไม่ได้ไปฟังคำพิพากษาดังกล่าว