กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ชัช สุกแก้วณรงค์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล., พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง.ผบก.ป. ช่วยราชการ รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล., พ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี ผกก.๑ บก.ทล., พ.ต.ท.ธัช โพธิ์สุวรรณ, พ.ต.ท.นาวิน คงสว่าง รอง.ผกก.1 บก.ทล., พ.ต.ต.ปภินวิทย์ อุดมพร สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล.
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. (อยุธยา) นำโดย ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร, ร.ต.อ.เชาวลิต สีดำ รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ร.ต.ท.ประธาน จตุพันธ์, ร.ต.ท.ธีระยุทธ วันโสภา รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล., ด.ต.สมศักดิ์ จันทาทอง, ด.ต.วิชัย ตามสมัย, ด.ต.ยศภัทร อินต๊ะ ผบ.หมู่ ส.ทล.1 กก.1บก.ทล.
ร่วมกันจับกุม
- นายณัฐวัตรอายุ 26 ปีสัญชาติ ไทยผู้ถูกจับที่ 1 (ผู้ขับขี่)
- นางสาวจีนเปียว อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมาผู้ถูกจับที่ 2
- นางสาวเมียน เมียน อายุ 27 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 3
- นางสาวมันหนวย อายุ 30 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 4
- นางสาวมินิอออายุ 31 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 5
- นางสาวซูซูตะอายุ 27 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 6
- นายชิกโกอายุ 30 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 7
- นายชามมิออ อายุ 35 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 8
- นายเยโท๊ะอายุ 47 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 9
- นายเว็ง นาย อู อายุ 20 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 10
- นายโซตูอออายุ 37 ปี สัญชาติ เมียนมาผู้ถูกจับที่ 11
- นายเต็งนายอายุ 33 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 12
- นายจ่ายวินอายุ 39 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 13
- นายจอ ลูวินอายุ 22 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 14
- นายเยมินทะ อายุ 20 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 15
- นายตางซอโม๊ะอายุ 31 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 16
- นายชาบู ชาบู อายุ 20 ปี สัญชาติ เมียนมา ผู้ถูกจับที่ 17
- นายอองซอริน อายุ 43 ปี สัญชาติ เมียนมาผู้ถูกจับที่ 18
- นายอ่องหมิววินอายุ 38 ปี สัญชาติ เมียนมาผู้ถูกจับที่ 19
ในฐานความผิด
- ผู้ถูกจับที่ 1 “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม”
- ผู้ถูกจับที่ 2-19 “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมตรวจยึด รถยนต์นั่งสามตอน ยี่ห้อ MITSUBISHI PAJERO SPORT สีขาวดำ
สถานที่จับกุม บริเวณ กม.23-24 ถนนรังสิต-นครนายก ทล.305 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล. ได้มีการกวดขันจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในพื้นที่ จ.ปทุมธานี โดยขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สำรวจเส้นทางบริเวณ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ได้พบรถยนต์ นั่งสามตอน ยี่ห้อ MITSUBISHI PAJERO SPORT สีขาวดำ มีลักษณะน้ำหนักเกินกว่ารถยนต์ปกติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบและใช้สัญญาณเสียงเรียกรถยนต์คันดังกล่าวให้หยุดรถ โดยรถคันดังกล่าวได้หยุดรถบริเวณ กม.23-24 ถนนรังสิต-นครนายก ทล.305 ต.รังสิต อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจค้น พบนายณัฐวัตรฯ อายุ 26 ปี เป็นผู้ขับขี่ และมีผู้ถูกจับที่ 2 – 19 นั่งโดยสารมากับรถยนต์คันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวบุคคลทั้งหมดมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่ สภ.ธัญบุรี จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ถูกจับที่ 2 – 19 เป็นคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางแต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ถูกจับที่ 1 ในฐานความผิด “รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม” และ ผู้ถูกจับที่ 2 – 19 ในฐานความผิด “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากนั้นจึงควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ธัญบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การยอมรับว่า ตนได้รับการประสานจากชายชาวไทย (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ให้ไปรับแรงงานต่างด้าวจำนวน ๑๘ คน ที่บริเวณ ป่ากล้วยข้างทาง ในพื้นที่ อ.วังเจ้า จ.ตาก เพื่อไปส่งในพื้นที่ เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยได้รับค่าจ้าง 15,000 บาท/ครั้ง ซึ่งตนได้กระทำในลักษณะแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง เงินค่าจ้างที่ได้มาจะนำไปเที่ยวและใช้จ่ายต่างๆ
จากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 2 – 19 ผ่านล่ามแปลภาษาให้การว่า พวกตนได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ โดยเดินเท้าข้ามมาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก หลังจากนั้นจะมีคนพามาขึ้นรถและพาเดินทางเข้ามาหางานทำในประเทศไทย ซึ่งเมื่อพวกตนถึงปลายทางแล้ว ทางญาติจะเป็นผู้จ่ายเงินให้กับนายหน้าที่นำพาเข้าประเทศไทย ในราคาประมาณ 15,000 – 25,000 บาท