“ปูติน”ออกกฎหมายเข้มจำคุก 15 ปี รายงานข่าว “เฟกนิวส์” ทำเอาสื่อต่างประเทศประกาศเลิกรายงานข่าวในรัสเซียทันที เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของผู้สื่อข่าวช่างภาพ หลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ลงนามบังคับใช้กฎหมายลงโทษสูงสุด 15 ปี การเสนอข่าวปลอมหรือเฟกนิวส์ เกี่ยวกับกองทัพและปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย จากการบุกยูเครน
โดยสำนักข่าว บีบีซีของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ.2565 ว่าจะหยุดการรายงานข่าวจากประเทศรัสเซีย ถัดมามีสื่อสำนักใหญ่อีกหลายแห่งออกมาประกาศเช่นเดียวกัน อาทิ แคเนเดียน บรอดคาสติง คอมปานี บลูมเบิร์ก ซีเอ็นเอ็น และซีบีเอสนิวส์ เป็นต้น ขณะที่บางบริษัทงดเปิดเผยชื่อผู้รายงานข่าวในบรรทัดแรก หรือบรรทัดสุดท้ายของข่าว และขณะนี้ยังรอประเมินท่าทีสถานการณ์
ในขณะที่การรุกรานประเทศยูเครน ทำให้รัสเซียโดนนานาชาติรุมประณามและใช้มาตรการแซงชั่น ทางด้านรัสเซียกลับพยายามตอบโต้ด้วยการทำสงครามข้อมูล โดยล่าสุด Roskomnadzor ซึ่งเป็นองค์กรกำกับการสื่อสารของรัสเซีย ได้มีคำสั่งด่วนบล็อก “เฟซบุ๊ก” โดยอ้าง 26 กรณีที่เข้าข่ายเลือกปฏิบัติและกีดกันสื่อของรัสเซีย ขณะที่สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซีย รายงานว่า “ทวิตเตอร์”ก็ถูกจำกัดการเข้าถึงในรัสเซียด้วย
โดยรัสเซียอ้างว่า บรรดาชาติที่เป็นศัตรู เช่น สหรัฐฯและพันธมิตรในยุโรป มีการเผยแพร่ข่าวปลอมมากมาย โดยมีเจตนาที่จะสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนรัสเซีย
ขณะที่รัฐสภาของรัสเซีย ได้ผ่านร่งแก้ไขกฎหมายอาญาเพื่อเพิ่มโทษปรับและจำคุก สำหรับบุคคลหรือองค์กรที่เผยแพร่ข่าวปลอม นอกจากนี้ ยังกำหนดโทษปรับสำหรับใครก็ตามที่ออกมาเรียกร้องให้นานาชาติแซงชั่น รัสเซย จากการบุกโจมตียูเครน
ทั้งนี้ ผู้บริหารสำนักข่าวต่างๆ ได้ชี้ว่า กฎหมายใหม่ของรัสเซียได้ลิดรอนเสรีภาพในการรายงานข่าว และทำให้สื่อมวลชนตกอยู่ความเสี่ยง ทางบริษัทสำนักสื่อมวลชนจำเป็นต้องหาจุดสมดุลระหว่างการทำหน้าที่สื่อและการปกป้องสวัสดิภาพของนักข่าวเองด้วย
คำสั่งรุกรานยูเครนของปูติน ได้จุดชนวนวิกฤตการณ์ครั้งเลวร้ายที่สุดระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตกในยุคหลังสงครามเย็น และยังส่งผลกระทบแผ่ลามไปถึงภาคการเงิน ราคาสินค้า และทำให้ค่าเงินรูเบิลรัสเซียร่วงดิ่งเหว ขณะที่รัสเซียเองต้องเผชิญกับการโดดเดี่ยวจากนานาชาติอย่างไม่เคยมีมาก่อน
รัฐบาลตะวันตกและบริษัทไอทีชั้นของโลกพร้อมใจกันแบนสำนักข่าว RTหรือรัสเซียทูเดย์ ของรัสเซีย โดยสหภาพยุโรป หรืออียู ชี้ว่าสื่อสำนักดังกล่าวมีการแพร่ข้อมูลบิดเบือนอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับปฏิบัติการรุกรานยูเครนเช่นกัน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย อ้างว่า สื่อทางตะวันตกมักเสนอข่าว ลำเอียง และเผยแพร่แนวคิดต่อต้านรัสเซีย แต่กลับไม่เคยเรียกร้องให้ผู้นำตัวเองต้องรับผิดชอบต่อพฤติกรรมทุจริตคอรัปชันหรือการทำลายล้างที่เกิดขึ้นในสงครามอื่นๆ เช่น สงครามอิรัก เป็นต้น
ที่มา : รอยเตอร์